SFTชี้ฉลากสินค้าแกร่ง เปิดเกมตลาดข้ามชาติ
ทันหุ้น – เจาะ SFT จับตาผลงานไตรมาส 2/2564 สัญญาณดี เผยออเดอร์พุ่ง-ไร้ปัจจัยล็อกดาวน์ ตอกย้ำปีนี้รายได้ทะยาน 15-20% จากปีก่อน แถมทุ่มงบ 247ล้านบาท อัพกำลังผลิตรับทรัพย์ เดินหน้าเจาะฐานลูกค้าเอเชีย-ญี่ปุ่นเพิ่ม เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในช่วงครึ่งหลัง
นายซุง ชง ทอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการในไตรมาส 2/2564น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากทิศทางคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ฟื้นตัว ประกอบกับไม่มีปัจจัยกดดันเกี่ยวกับการล็อกดาวน์ดังเช่นปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ร้านค้าและบริการต่างๆ ต้องหยุดให้บริการ ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ทาง SFT ประเมินว่ารายได้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เพิ่มขึ้น 15-20% จากปีก่อนที่ราว 678.18 ล้านบาท เพราะได้แรงสนับสนุนจากออเดอร์ในส่วนของการส่งออกจากสินค้าในไทยจากผู้ประกอบการต่างๆ ยังต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการสินค้าของธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับแบรนด์ของธุรกิจเป็นที่รู้จักภายหลังได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้การใช้กำลังผลิตฟิลม์ฉลากดีขึ้นค่อนข้าง รวมทั้งธุรกิจมีการทำตลาดเพื่อเจาะตลาดลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติมด้วย
*เดินหน้าห่ลูกค้าใหม่
ส่วนแนวาทางการบริหารงานในปี 2564 บริษัทคงมุ่งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ให้มากขึ้น หลังแนวโน้มราคาเมล็ดพลาสติกขยับเพิ่ม ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีแนวทางปรับราคากับผู้ซื้อแต่อย่างใด ส่วนในแง่ของอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่านั้นมองยังอยู่ในระดับที่ธุรกิจสามารถควบคุมได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่แนวทางการทำตลาดในต่างประเทศนั้นทาง SFT มีแผนเจาะตลาดลูกค้าในเอเชียและญี่ปุ่นเพิ่มเติม เพราะมองเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติม หลังมองตลาดในประเทศเพิ่มขยายตัวค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งคงทำควบคู่ไปกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้เพิ่มเติมด้วย
*ทุ่มงบอัพกำลังผลิต
นอกจากนี้ บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 247 ล้านบาท เพื่อรองรับการจัดซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมและก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ แบ่งเป็น เงินลงทุนปีนี้ราว 182 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นใช้จัดซื้อเครื่องจักรใหม่ในปี 2565ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้น่าจะช่วยผลักดันให้กำลังผลิตและภาพรวมธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุถึง SFT ว่า มีมุมมองเป็นบวก หลังล่าสุดได้พูดคุยกับทางผู้บริหาร ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตและจำหน่ายฉลากฟิล์มหดรัดรูปด้วยระบบการพิมพ์กราเวียร์และระบบการพิมพ์ดิจิตอลแบบครบวงจรในไทย
โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละ 15-20% จากคำสั่งซื้อของลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหาร และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม นอกจากนี้ยังเน้นบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพื่อรักษา Net Margin ให้ไม่ต่ำกว่า 10%
*กำไรแกร่งลุ้น 6.8 บ.
ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/2564 บริษัทคาดกำไรเติบโตจากช่วงไตรมาส 1/2564 เพราะเป็น High Season ของคำสั่งซื้อกลุ่มเครื่องดื่มแล้ว ตั้งแต่พฤษภาคม 2564จะรับรู้กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องจักรระบบกราเวียร์ตัวใหม่ซึ่งจะช่วยรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นได้ หลังปัจจุบันอัตราใช้กำลังผลิตเดิมตึงตัวแล้ว ส่วนราคาวัตถุดิบ PVC และ PET แม้จะสูงขึ้นแต่คาดยังไม่กดดันศักยภาพทำกำไรเพราะบริษัทสต็อกวัตถุดิบต้นทุนต่ำไว้ใช้ถึงกันยายนนี้ และพร้อมปรับขึ้นราคาขายฉลากจากลูกค้าหากราคาวัตถุดิบยังทรงตัวสูง
ดังนั้น คาดปี 2564 จะมีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท เติบโต 28% จากปีก่อน และยังโตต่อเฉลี่ยปีละ 20% ในปี 2565-2567จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าทุกกลุ่มตามเศรษฐกิจที่ฟื้นซึ่งสอดคล้องกับกำลังผลิตที่มีเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นหุ้น Defensive ที่กำไรอยู่ในทิศทางขาขึ้น (มีความสัมพันธ์สูงกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น) ซึ่งประเมินกรอบราคาเป้าหมายปี 2565 ไว้ที่หุ้นละ 6.80 บาท