“พิชัย" สั่งธอส.เปิดศึกสินเชื่อบ้านระดับบน หนุนพอร์ตธุรกิจอสังหาฯ 50% ต่อจีดีพี
#ทันหุ้น - “พิชัย" สั่งธอส.เปิดศึกสินเชื่อบ้านระดับบนหนุนพอร์ตธุรกิจอสังหาฯ 50% ต่อจีดีพี พร้อมขยายอายุการกู้สูงสุด 85 ปี สินเชื่อปล่อยใหม่ครึ่งปีเพิ่มอีก 1.7 แสนล้าน หนี้เสียลดเหลือ 5%
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ที่จังหวัดนครราชสีมาว่า ได้มอบนโยบายให้ธอส.พิจารณาปล่อยสินเชื่อบ้านที่มีมูลค่าสูงขึ้นหรือตั้งแต่ระดับ 3 ล้านบาทขึ้นไปให้มากขึ้น เพื่อช่วยหนุนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อจีดีพีขยับสูงขึ้นเป็น 50% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่อยู่ 30-40%ต่อจีดีพี โดยเป้าหมายสินเชื่อบ้านในครึ่งหลังของปีนี้จะอยู่ที่กว่า 170,000 ล้านบาท
“เดิมฐานลูกค้าของธอส.ส่วนใหญ่หรือมากกว่า 90% จะเป็นลูกค้าที่ปล่อยกู้ต่ำกว่า 3 ล้านบาทต่อราย เราก็อยากให้ขยายฐานลูกค้าไปที่ราคาบ้าน 5 ล้าน 7 ล้าน หรือ 10 ล้านขึ้นไป เพื่อให้พอร์ตอสังหาฯต่อจีดีพีสูงขึ้น”
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ธนาคารขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ให้สูงสุดถึง 85 ปี จากเดิมอยู่ที่ 70 ปี สำหรับลูกหนี้เก่า และ รวมถึง ลูกหนี้รายใหม่ แต่ไม่รับลูกหนี้ที่รีไฟแนนซ์มาจากธนาคารพาณิชย์แห่งอื่น และรวมถึง การผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ เช่น ปลอดดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก เป็นต้น
ทั้งนี้ ธอส.จะเปิดให้ลูกหนี้เข้ามาไกล่เกลี่ยหรือประนอมหนี้ โดยให้เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมเข้ามาร่วมไกล่เกลี่ยด้วย ซึ่งลูกค้าที่ต้องการไกล่เกลี่ยหนี้สามารถเข้ามาติดต่อได้ทุกสาขาของธนาคารทั่วประเทศ ล่าสุดมีผู้มาสมัครแล้ว 40,000 ราย
ด้านนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธอส. กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ธอส.ได้เตรียมวงเงินปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย 170,000 ล้านบาท โดยจะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก ส่วนกลุ่มราคาที่อยู่อาศัย 5-1 0 ล้านบาท ขึ้นไป ได้แบ่งวงเงินไว้แล้ว 2,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด โดยปีนี้ธอส.ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 250,000 ล้านบาท ล่าสุด 6 เดือน ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 90,000 ล้านบาท และเตรียมอนุมัติสินเชื่อจากโครงการ Happy Home อีก 10,000 ล้านบาท
สำหรับนโยบายการขยายระยะเวลาการชำระหนี้นั้น ลูกค้าธอส.สามารถเข้ามาติดต่อสาขาทั่วประเทศ เพื่อเข้าร่วมโครงการขยายระยะเวลาชำระหนี้ จากเดิม เป็น 80 ปี สำหรับประชาชนทั่วไป และ 85 ปี สำหรับข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้หากมีการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระแล้ว จะทำให้ค่างวดลดลง ยกตัวอย่าง วงเงินกู้ 1 ล้านบาท จากเดิมผ่อนชำระ 4,100 บาทต่องวด จะลดลงไปอีก 500-2,000 บาท ซึ่งเม็ดเงินที่ลดลง ประชาชนสามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันได้
”การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สัดส่วนหนี้เสียลดลงได้ ปัจจุบันเอ็นพีแอลอยู่ที่ 5.7% และจะพยายามทำให้ลดลงไม่เกิน 5% และสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่จากนี้ไปไตรมาสละ 50,000-70,000 ล้านบาท"