SAPPEต่างแดนอัพแกร่ง ปั๊มสินค้าลุยส่งออเดอร์

#SAPPE #ทันหุ้น – SAPPE มองช่วงที่เหลือของปี 2567 ยอดขายโตต่อเนื่องโดยเฉพาะต่างประเทศ โซนยุโรป และตะวันออกกลาง รวมถึงยอดขายในประเทศ มีแผนออกผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ กระตุ้นตลาด แนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 2567 เติบโตที่ 20-25% ด้านโบรกคาดกำไรไตรมาส 3/2567 ทำ New High ได้ต่อ หนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของยุโรปและสหรัฐ

นางสาวปิยจิต  รักอริยะพงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่าในช่วงที่เหลือของปี 2567 บริษัทยังคงมุ่งเน้น การเติบโตทั้งในและต่างประเทศ และยังคงตั้งเป้าการเติบโตที่ 20-25% โดยตลาดในประเทศจะเน้นการสร้างแบรนด์หลักให้แข็งแกร่ง เช่น เซ็ปเป้ บิวติ กาแฟเพรียว คอฟฟี่ น้ำผสมวิตามินแบรนด์บลู รวมถึงเตรียมออกสินค้าใหม่เพิ่มเติมไม่ต่ำกว่า 20 SKUs และสำหรับตลาดต่างประเทศ นอกจากการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ (Greenfield) ด้วยการกระจายสินค้าให้มีความหลากหลาย เพิ่มการขายและการตลาดผ่านช่องทาง Online ให้มากขึ้นแล้ว เซ็ปเป้จะต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ โมกุ โมกุ ให้ผู้บริโภคมี Engagement กับแบรนด์ เพื่อยกระดับสู่ Global Brand เเละจะทยอยมี Big Campaign ออกมาให้ผู้บริโภคทั่วโลกต่อเนื่อง

ตะวันออกกลางเด่น

ปัจจุบันเซ็ปเป้ส่งออกสินค้าต่างๆ ออกไปกว่า 100 ประเทศ โดยกลุ่มประเทศที่มีการขยายตัวโดดเด่นคือตะวันออกกลาง ที่มีการเติบโตสูงถึง 107.4% และทวีปอเมริกา เติบโต 43.9% เป็นต้น ส่วนทวีปเอเชียและยุโรปก็ยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ดี

โดยในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีสัดส่วนการขายของตลาดต่างประเทศมากถึง 83% ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุด คือ น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ โมกุ โมกุ (Mogu Mogu) อันดับ 2 คือ เครื่องดื่มผสมว่านหางจระเข้แบรนด์ เซ็ปเป้ อโลเวร่า ดริ้งค์  ซึ่งในไตรมาส1/2567 นี้สามารถทำรายได้จากการขายจากต่างประเทศ 1,524 ล้านบาท เติบโต 24.3% เป็นผลมาจากความสามารถในการขยายช่องทางการขายได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางการขายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ (National Chain)

ฐานลูกค้า Mogu Moguพุ่ง

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่า SAPPE รายได้ในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 2,071 ล้านบาท เพิ่ม 12.8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) เเละเพิ่มขึ้น 25.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) จาก 1. การรับรู้กำลังการผลิตใหม่เต็มไตรมาส เพิ่มขึ้น 25% (YoY)  2. ยอดขายในภูมิภาคเอเชีย, ตะวันออกกลาง และประเทศไทยที่คาดเติบโตได้ต่อจากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ประกอบกับอากาศที่ร้อนกว่าปกติหนุนให้ Demand สูงขึ้น  3. ยอดขายในยุโรปและสหรัฐ ที่กลับมาเติบโตจากการผ่านพ้นช่วงฤดูหนาว

และ4. ฐานลูกค้า โมกุ โมกุ ทั่วโลกที่สูงขึ้นจากการรับรู้ผลของการประกาศ Brand Ambassador กับวง “SEVENTEEN” ขณะที่ต้นทุน การผลิตหลัก อาทิ น้ำตาล และเม็ดพลาสติก (PET Resin) ยังทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับในไตรมาสเเรก  ประกอบกับการได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติในไตรมาส 2/2567 คาด ทำ New High ได้ต่อคาดกำไรปกติจะทำระดับสูงสุดของปีได้ในไตรมาส 3/2567

*กำไรทำ New High

ด้านแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2567ที่คาดกำไรปกติยังสามารถทำ New High ได้ต่อ หนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของยุโรปและสหรัฐ ประกอบกับการได้รับอานิสงส์ เชิงบวกจาก 1. การลดดอกเบี้ยจาก ECB ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในยุโรปสูงขึ้น 2. การแข่งขันกีฬาต่างๆ อาทิ Olympic Summer (ฝรั่งเศส) และ Football Euro (เยอรมนี) รวมถึงการรับรู้รายได้จากการนำ “SAPPE Aloe Vera” เข้าไปจำหน่ายในยุโรปเต็มไตรมาส

ขณะที่ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ (PET Resin) ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันโลก แต่เรามองว่าจะชดเชยได้จากราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลง และ Product Mix ที่มีสัดส่วนจากการส่งออกสูงขึ้นจากการผ่านพ้นช่วงฤดูร้อนของไทย ประกอบกับ U-Rate ที่สูงขึ้น ส่งผลให้เราคาดอัตรากำไรขั้นต้น GPM ในไตรมาส 3/2567 จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 46.5% ปรับราคาเหมาะสมที่ 123.00 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside Gain 24.9% จึงปรับคำแนะนำขึ้นจาก “TRADING” เป็น “ซื้อ”