ชาวทับสะแก เตรียมเจรจาขออัฐิ 'ซีอุย' เก็บที่วัดในพื้นที่ หลังพบความผูกพัน เคยรับจ้างปลูกผักย่านนี้
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ร.ต.ต.พล พลายสถิตย์ อายุ 50 ปี ข้าราชการบำนาญ ชาว ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กรณียื่นหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้พิจารณาคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้นายซีอุย แซ่อึ้ง ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม และมีฉายามนุษย์กินคน โดยขอให้นำร่างออกจากการจัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน โรงพยาบาลศิริราช กทม. โดยได้เก็บร่างซีอุยไว้นาน 61 ปี จากนั้น กสม.มีความเห็นว่า การจัดแสดงศพนายซีอุยถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ล่าสุด กรมราชทัณฑ์จะนำร่างนายซีอุยไปทำการฌาปนกิจที่วัดบางแพรกใต้ ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี
ร.ต.ต.พลกล่าวว่า หากมีการดำเนินการทางศาสนาเสร็จสิ้นแล้ว จะเจรจากับผู้เกี่ยวข้องของกรมราชทัณฑ์หรือสัปเหร่อของวัด หากไม่มีปัญหาจะขอนำอัฐิของนายซีอุยไปเก็บรักษาไว้ที่วัดทับสะแก เนื่องจากนายซีอุยไม่มีญาติ หลังจากก่อนหน้านี้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นายซีอุยเป็นครั้งสุดท้าย และยอมรับว่าหลังจากยื่นหนังสือถึง กสม.เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนการนำร่างของนายซีอุยไปฌาปนกิจได้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างสูง ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุหลายรายที่อายุน้อย และอยู่ในตำบลทับสะแกช่วงที่นายซีอุยเคยมาทำงานรับจ้างรู้สึกพอใจ และบางรายเชื่อว่านายซีอุยไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมตามที่ถูกกล่าวหา
นางสาวมาเรีย เผ่าประทาน กำนันตำบลทับสะแก กล่าวว่า ในฐานะผู้นำท้องที่ตั้งใจจะเดินทางไปร่วมฌาปนกิจนายซีอุย เพื่อเป็นตัวแทนของชาวบ้านในตำบล เนื่องจากนายซีอุยเคยมีประวัติมารับจ้างปลูกผักก่อนเดินทางไปอาศัยในจังหวัดอื่น ขณะนั้นนายสวาป เผ่าประทาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นบิดามีอายุเพียง 9 ขวบ และที่ผ่านมา กสม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสอบถามข้อมูลเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยหากการดำเนินการสิ้นสุดในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ควรนำร่างของนายซีอุยไปประกอบพิธีทางศาสนา
ด้านนายทองพัน ชูรส อายุ 82 ปี รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เห็นด้วยและสนับสนุนให้นำร่างนายซีอุย แซ่อึ้ง ไปทำการฌาปนกิจ เพื่อให้สิ้นสุดตำนานมนุษย์กินคนนานกว่า 60 ปี สำหรับตนขณะที่อายุ 14 ปี เคยเห็นนายซีอุยมาทำงานรับจ้างในแปลงผักพื้นที่ด้านหลังโรงเรียนอนุบาลทับสะแกในปัจจุบัน ยอมรับว่าเด็กในสมัยนั้นหวาดกลัวมาก เนื่องจากนายซีอุยมีลักษณะขรึม พูดน้อย เดินหลังโก่ง ไม่สวมเสื้อ มือชอบถือมีดขอซึ่งไม่มีด้ามจับ แต่ทราบว่านายซีอุยทำงานรับจ้างที่ อ.ทับสะแก ไม่นานจากนั้นย้ายไปที่อื่น
นายทองพันกล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่านายซีอุยไม่มีญาติพี่น้องที่เดินทางอพยพมาจากประเทศจีน อาศัยอยู่ใน อ.ทับสะแก สำหรับภาพลักษณ์ของนายซีอุยที่สร้างความหวาดกลัวให้กับบุคคลทั่วไป น่าจะมาจากการนำข้อมูลบางส่วนจากคดีที่เกิดขึ้นในอดีตไปสร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ซึ่งอาจมีการเพิ่มเติมข้อมูลบางประการเพื่อสร้างจินตนาการที่แตกต่างจากการทำสารคดี สำหรับเหตุการณ์ในพื้นที่ อ.ทับสะแกยอมรับว่ามีเพียงเรื่องเล่าของคดีฆาตกรรม รวมทั้งข้อกล่าวหาว่ามีการกินตับ
ย้อนอ่าน : “คุกบางขวาง” เตรียมเผาร่าง “ซีอุย” 23 ก.ค.นี้ ปิดตำนานมนุษย์กินคน
– ศิริราช เตรียมส่งมอบร่าง ‘ซีอุย’ ให้กรมราชทัณฑ์ นำไปบำเพ็ญกุศล วัดใน จ.นนทบุรี