รีเซต

รัฐฉีดเศรษฐกิจทุกวีคแสนล้าน จ่อบริโภคคึก

รัฐฉีดเศรษฐกิจทุกวีคแสนล้าน จ่อบริโภคคึก
ทันหุ้น
8 ตุลาคม 2568 ( 00:50 )
14

            นายเอกนิติ  นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของปีนี้ไม่ติดหล่ม โดยจะใช้งบประมาณจำนวน 4.4 หมื่นล้านบาท เริ่มต้นใช้จ่ายได้ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้จนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนจำนวน 20 ล้านคน และประชาชนต้องควักเงินออกเองอีก 4.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรวมเป็นเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 8.8 หมื่นล้านบาท

            นอกจากนี้การประชุมครม.ครั้งก่อนหน้ายังได้อนุมัติงบเติมเงินให้กับคนถือบัตรสวัสดิการ 13.4 ล้านคน คนละ 1,700 บาท ใช้งบ 2.3 หมื่นล้านบาท ทำให้ในช่วงปลายปีนี้จะมีเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรวมกว่า 1 แสนล้านบาท จะช่วยเพิ่มจีดีพีได้อีก 0.3-0.4% ส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ของปีนี้จะขยายตัวมากกว่าที่ประมาณการไว้เดิม 0.3% เป็น 0.6%

            นายเอกนิติ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะทยอยออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในทุกสัปดาห์ เพื่อผลักดันให้จีดีพีในใตรมาส 4 ของปีนี้ สามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 1%

            นายลวรณ  แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งพลัสในครั้งนี้ จะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการมากถึง 33.5 ล้านคน รวมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยขณะที่ในอดีตมีคนเข้าร่วมโครงการประมาณ 26 ล้านคน

            นายผยง  ศรีวณิช  กรรมการผู้จัดการกรุงไทยกล่าวว่า กรุงไทยในฐานะสถาบันการเงินที่ดูแลแอปพลิเคชันของโครงการนี้ย้ำว่า แม้จะมีประชาชนเข้ามาใช้แอปในโครงการนี้มากขึ้น แต่เชื่อว่าระบบจะไม่ล่ม เพราะระบบสามารถรองรับได้ 5 หมื่นธุรกรรมต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากในอดีตเท่าตัว

นายอัสสเดช  คงสิริ  กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นเรื่องดีที่จะการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศจะช่วยบริษัทหลายแห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยได้ไม่มากก็น้อย และหากเกิด “Multiplier Effect” หรือ ผลกระทบแบบตัวคูณ และมีการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์ตามไปด้วย โดยรวมน่าจะเป็นประโยชน์ แต่นักลงทุนควรศึกษาว่ามาตรการนี้จะช่วยบริษัทใดบ้าง เพราะคงไม่ได้ช่วยบริษัททั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์

            นายกิจพณ  ไพรไพศาลกิจ  รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า การที่รัฐบาลเตรียมทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ เพื่อผลักดันให้ GDP ไตรมาส 4 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 1% ถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ โดยมองว่าจะต้องมีเม็ดเงินอีกราว 100,000 ล้านบาทเข้าตลาด ซึ่งอยู่ในกรอบที่สามารถทำได้จริง เนื่องจากคิดเป็นเพียงประมาณ 3% ของงบประมาณประจำปี และมาในจังหวะที่เหมาะสม

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นมองว่าตลาดมีโอกาสที่จะลุ้นไปถึงระดับ 1,350 ถึง 1,400 จุด ได้ภายในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่วางไว้ โดยมีปัจจัยหนุนจากโมเมนตัมผลประกอบการที่ชัดเจนขึ้น โดยมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในระยะสั้นจะส่งผลดีต่อกลุ่มหุ้นหลักคือ กลุ่มบริโภค/ค้าปลีก และ กลุ่มการเงิน โดยในกลุ่มค้าปลีก CPAXT คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการคนละครึ่งพลัส ขณะที่กลุ่มการเงิน หุ้นบัตรเครดิต เช่น KTC และ AEON ดูน่าสนใจ เนื่องจากกำลังซื้อที่ดีขึ้นจะช่วยหนุนคุณภาพของลูกหนี้ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว ERW อาจได้รับผลดีจากมาตรการเที่ยวเมืองรอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง