ตาลีบันเผชิญหน้าผู้ประท้วงในหลายเมือง พลเรือนถูกยิงดับแล้ว 3 ราย สิทธิสตรียังถูกละเมิด

ชาวอัฟกานิสถานจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันในเมืองหลายแห่ง เพื่อแสดงการต่อต้านกลุ่มตาลีบันที่เพิ่งเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ แต่กลับถูกกองกำลังตาลีบันกราดยิงสลายการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองจาลาลาบัด ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางภาคตะวันออก มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 12 ราย
นอกจากเหตุดังกล่าวแล้ว ยังมีการประท้วงเกิดขึ้นที่จังหวัดกุนาร์ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และที่เมืองโคสต์ในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศด้วย โดยผู้คนพากันมารวมตัวที่จัตุรัสใจกลางเมือง พร้อมทั้งโห่ร้องและพยายามนำธงชาติอัฟกานิสถานที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลพลเรือน ซึ่งประกอบด้วยสีดำ แดง และเขียว กลับขึ้นสู่ยอดเสาอีกครั้ง หลังถูกกองกำลังตาลีบันปลดลงเมื่อไม่กี่วันก่อน
ยังไม่แน่ชัดว่าการประท้วงต่อต้านตาลีบันจะขยายวงกว้างขึ้นอีกหรือไม่ ส่วนที่เขตหุบเขาปันจ์ชีร์ทางตอนเหนือของกรุงคาบูล ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นแห่งสุดท้ายของกองกำลังต่อต้านตาลีบัน มีผู้เผยแพร่คลิปวิดีโอของขบวนรถจักรยานยนต์ซึ่งชูธง "พันธมิตรเหนือ" ของอดีตรองประธานาธิบดี อัมรุลลาห์ ซาเลห์ โดยขณะนี้นายซาเลห์ได้ประกาศตัวเป็นผู้รักษาการณ์ตำแหน่งประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานแล้ว
แม้ก่อนหน้านี้ตาลีบันได้ให้สัญญาจะปกครองประเทศอย่างสันติ และจะเคารพสิทธิสตรีภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม แต่สถานการณ์ล่าสุดยังคงปรากฎความรุนแรงต่อพลเรือน และการต่อต้านสตรีในแวดวงสื่อสารมวลชน
นักข่าวหญิงของหนังสือพิมพ์ Etilaat Roz ถูกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตาลีบันตำหนิขณะเข้าสัมภาษณ์ เนื่องจากไม่ได้สวมชุดคลุมปกปิดทั้งตัวหรือบุรกา ส่วนชับนัม ดอว์ราน ผู้ประกาศหญิงชื่อดังของสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติอัฟกานิสถาน ก็ถูกตาลีบันสั่งให้ออกจากงานแล้ว
วาฮีดุลลาห์ ฮาชิมี หนึ่งในผู้นำระดับสูงของตาลีบันบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า "จะไม่มีการปกครองหรือใช้ระบบที่เป็นประชาธิปไตยในทางใดทั้งสิ้น เพราะมันไม่เคยมีอยู่ในรากฐานของประเทศเรามาก่อน"
"เราจะไม่มานั่งถกเถียงกันแล้วว่า อัฟกานิสถานควรจะใช้การปกครองแบบไหน เพราะมันชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องใช้กฎหมายชารีอะห์แบบอิสลามเท่านั้น" นายฮาชิมีกล่าว
ด้านสถานการณ์ที่สนามบินนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล เหตุการณ์ยังคงตึงเครียด เนื่องจากนักรบตาลีบันพยายามกีดกันไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้สนามบินได้ โดยใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเป็นการเตือน รวมทั้งผลักและใช้ปืน AK47 ทุบตีทำร้ายพลเรือนด้วย
ทหารของกองกำลังสหรัฐฯ ที่รักษาความปลอดภัยในบริเวณท่าอากาศยาน ต้องยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นระยะเช่นกัน เพราะยังคงมีชาวอัฟกันจำนวนมากที่นอกรั้วสนามบิน พากันแตกตื่นร้องขอความช่วยเหลือให้ได้อพยพออกนอกประเทศ
พลเอกมาร์ก มิลเลย์ เจ้าหน้าที่ทหารผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพสหรัฐฯ แถลงว่าภารกิจอพยพผู้คนที่สนามบินของกรุงคาบูลยังคงเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง และสถานการณ์ยังคงผันเปลี่ยนรวดเร็วตลอดเวลา แต่ในขณะนี้สหรัฐฯ สามารถจัดการอพยพผู้คนไปได้ราว 5,000 คนแล้ว
ด้านนายอัชราฟ กานี อดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถานซึ่งขณะนี้ลี้ภัยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แถลงสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะหนีเอาตัวรอด แต่ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยบังคับให้รีบเดินทางออกนอกประเทศ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกจับและถูกสังหาร เขายังปฏิเสธว่าไม่ได้นำเงิน 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดตัวไปด้วยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
อดีตผู้นำอัฟกานิสถานเผยว่า ขณะนี้เขายังคงติดต่อกับบรรดาเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของเขา เพื่อดำเนินความพยายามต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรมแก่ชาวอัฟกันต่อไป และต้องการจะเจรจาเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมกับกลุ่มตาลีบันด้วย
ส่วนสถานการณ์ทั่วไปในกรุงคาบูลยังคงสงบเรียบร้อย โดยมีผู้คนออกมาสัญจรตามท้องถนนและมีร้านค้าเปิดทำกิจการตามปกติมากขึ้นแล้ว แต่ประชาชนเริ่มมีความวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจ โดยบางส่วนพากันไปต่อคิวถอนเงินสดออกจากธนาคาร หลังมีข่าวว่าอาจเกิดวิกฤตการเงินขึ้นในไม่ช้านี้
ล่าสุดทางการสหรัฐฯ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ได้อายัดเงินทุนสำรองฉุกเฉินและทรัพย์สินของธนาคารกลางอัฟกานิสถานที่อยู่ในสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์ เพื่อไม่ให้กลุ่มตาลีบันเข้าถึงเงินดังกล่าวได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไอเอ็มเอฟมีกำหนดจะจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่อัฟกานิสถานในสัปดาห์หน้า