เตรียมตัวก่อนฉีด "วัคซีนไฟเซอร์" สำหรับนักเรียนอายุ 12-18 ปี
ดีเดย์! 4 ตุลาคม 2564 ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ให้นักเรียน โดยกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแผนให้นักเรียน นักศึกษา ทุกสังกัด ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 5,048,081 คน จะได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ และจะเริ่มฉีดให้กับสถานศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่มีจำนวน 15,465 แห่ง ใน 29 จังหวัดก่อนและจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ต่อไป
ข้อมูลจากองค์การอาหารและยา (อย.) วัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ขึ้นไป ในประเทศไทย ได้แก่ วัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนโมเดอร์นา ซึ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แคนาดา อินโดนิเซีย ฯลฯ ยังได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว
วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) มีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการ เมื่อเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพการป้องกันในผู้ใหญ่ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็ก ระดับใกล้เคียงกับผู้ใหญ่อายุ 16-25 ปี โดยมีระดับภูมิคุ้มกันอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก จากภาพรวมข้อมูลด้านประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ที่มีการฉีดในเด็กพบว่า มีผลดีมากกว่าผลข้างเคียง ซึ่งพบได้ในอัตราที่ต่ำ
ปัจจุบันในประเทศไทยแนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้ป่วยเด็กที่มีโรคประจำตัวหรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงซึ่งขณะนี้มีเพียงวัคซีนชนิด mRNA เช่น วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ที่มีข้อแนะนำให้สามารถฉีดในเด็กได้ ส่วนวัคซีนชนิดอื่น ๆ เช่น วัคซีนชนิดเชื้อตาย หรือชนิดไวรัสเวกเตอร์ ยังไม่มีคำแนะนำการฉีดในเด็ก
ผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ในเด็ก
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อย เช่น เจ็บบริเวณตำแหน่งที่ฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
- อาการข้างเคียงเฉพาะที่ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย เช่น บวม แดงในตำแหน่งที่ฉีด
- อาการข้างเคียงทั้งระบบ เช่น ไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ
- อาการข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเป็นอาการข้างเคียงที่พบรายงานในอัตราต่ำมาก
อาการที่ต้องเฝ้าระวังหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์
เฝ้าระวังอาการหลังฉีดวัคซีนนักเรียนอายุ 12-17 ปี ดังต่อไปนี้
1.ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
2.หมดสติ เป็นลม
3.แน่น/เจ็บหน้าอก
4.หอบ เหนื่อยง่าย
5.ใจสั่น
*หากมีอาการควรรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที
เด็กต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดวัคซีนไฟเซอร์
1.ปัจจุบันแนะนำให้ฉีดวัคซีนในเด็กและวัยรุ่นอายุ 12-18 ปี ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงซึ่งมีโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเบาหวาน กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า
2.ไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนชนิดอื่น ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 14 วัน ยกเว้นการฉีดวัคซีนที่มีความจำเป็นเช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อเด็กถูกสัตว์กัด
3.เด็กและวัยรุ่นหญิงที่มีประจำเดือน อยู่ในระยะหลังคลอด หรือให้นมบุตร สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้
4.เด็กและวัยรุ่นที่หายจากโรคโควิด-19 หรือโรคแทรกซ้อนจากโรคโควิด-19 และโรคคาวาซากิ (MIS-A หรือ MIS-C) ควรเว้นระยะการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ห่างจากวันที่ตรวจพบเชื้อ 1-3 เดือน โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กที่ได้รับการรักษาด้วยพลาสมา ควรได้รับวัคซีนทันทีเมื่อครบกำหนด 90 วัน
ข้อควรระวัง
1.เด็กและวัยรุ่นที่มีอาการแพ้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงภายหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 หรือแพ้สารที่เป็นส่วนประกอบของวัคนอย่างรุนแรง ควรรับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อพิจารณาเลื่อนหรือเปลี่ยนชนิดวัคซีนในเข็มที่ 2
2.หากเด็กและวัยรุ่นมีประวัติสัมผัสเสี่ยงใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปจนกว่าเด็กจะได้รับการตรวจยืนยันว่าไม่ติดเชื้อโรคโควิด-19
3.วัยรุ่นหญิงที่ตั้งครรภ์ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเมื่อมีอายุครรภ์มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป
วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน
ตรวจสอบร่างกายให้พร้อม
- ไม่อดนอน หลับให้เพียงพอ
- เลี่ยงเครื่องดืมชา-กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่มีอาการไข้หรือเจ็บป่วย
- สองวันก่อนฉีดวัคซีน และหลังฉีดวัคซีน งดออกกำลังกายหนัก
สิ่งที่ต้องแจ้งแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน
- โรคประจำตัว
- ประวัติการแพ้ยาหรือวัคซีน
- การตั้งครรภ์
- ข้อมูลอื่นๆ ที่แพทย์ควรทราบ
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนออกจากบ้าน
- บัตรประชาชน
- วันแวลา นัดการฉีดวัคซีน
- รักษามาตรการป้องกันพื้นฐานอย่างเคร่งครัด คือ สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง พกเจลแอลกอฮอล์
- วันที่ฉีดวัคซีนควรกินน้ำอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี
- ฉีดแขนข้างที่ไม่ถนัด และหลังฉีดสองวัน อย่าใช้แขนนั้น หรือยกของหนัก
- หลังฉีดวัคซีนแล้ว รอดูอาการบริเวณที่ฉีด 30 นาที
- ถ้ามีไข้หรือปวดเมื่อยมาก สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มก. ครั้งละหนึ่งเม็ด ห่างกัน 6 ชั่วโมง
- ห้ามกินยาพวก Brufen . Arcoxia , Celebrex เด็ดขาด
นอกจากนี้ทาง หมอพร้อม เชิญชวนน้อง ๆ อายุ 12-17 ปี ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนสมัครใช้งาน หมอพร้อม เพื่อใช้ตรวจสอบข้อมูลการฉีดวีคซีน ประเมินอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน ใช้งาน Digital Health Pass ใช้งานได้เเล้วทั้ง LINE OA หรือ Application
*น้องๆ ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ผู้ปกครอง สามารถลงทะเบียนใช้งานหมอพร้อมแทน โดยวิธีการเพิ่มข้อมูลบุคคลอื่น ผ่าน LINE OA*
เด็กควรฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไหม?
ในกลุ่มเด็ก ที่วัคซีนกลุ่มอื่นยังไม่มีข้อมูลที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ซึ่ง mRNA เป็นวัคซีนมีข้อมูลที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีได้ ซึ่งการได้รับวัคซีน 1 ล้านคน ป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ 1,000 คนและป้องกันการเสียชีวิตได้ 10 กว่าคน เมื่อเทียบกับอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรืออัตราการนอนโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด ก็ยังมีความคุ้มค่าในการให้วัคซีนในเด็กอยู่
การเกิดการติดเชื้อโควิดไม่ใช่เฉพาะการนอนโรงพยาบาลแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนภายหลังตามมาด้วย เช่น การเกิดการอักเสบหลอดเลือดทั่วร่างกาย ซึ่งอาจจะมีผลในระยะยาว ดังนั้นในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ตามภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สามารถรักษาได้ เคสส่วนมากที่มีอาการ สามารถรักษาและหายเป็นปรกติในไม่กี่วัน และส่วนมากไม่มีใครเสียชีวิตจากภาวะนี้
ข้อมูลจาก ศ.พญ.ธนินี สหกิจรุ่งเรือง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , ศูนย์ข้อมูล COVID-19 , ศธ.360 , ไทยรู้สู้โควิด
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง