ไทยยูเนี่ยน ชี้พิษน้ำมันแพงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า 5-7% - ปีนี้เดินหน้าลงทุน 6 พันล้าน

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ไทยยูเนี่ยนยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียกับยูเครนที่เกิดขึ้น แต่จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนต่างๆ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นการปรับราคาสินค้าขึ้นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งได้ปรับราคาไปแล้ว 5-7% ตั้งแต่ต้นปีนี้ที่ผ่านมา และหลังจากนี้น่าจะบริหารจัดการได้

สำหรับแผนปี 2565 ไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยวางงบลงทุนรวมไว้ 6,000 ล้านบาท (ไม่รวมงบการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ) เพื่อมุ่งเน้นในเรื่องอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น และธุรกิจใหม่ที่เพิ่มมูลค่า เช่น ส่วนประกอบอาหาร อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและโปรตีนทางเลือก เพื่อให้สอดรับกับตลาดที่เติบโตเร็วในธุรกิจดังกล่าว และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2565 นี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% และจะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ในขณะที่กำไรขั้นต้นตั้งเป้าเติบโตมากกว่า 20%

“ในปี 2565 นี้ แม้ว่าจะยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับทุกคน ทั้งอัตราเงินเฟ้อ การแพร่ระบาด ห่วงโซ่อุปทาน การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ไทยยูเนี่ยนจะยังเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลงานให้ได้ดีเหมือนปี 2564 ที่ไทยยูเนี่ยนสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นประวัติการณ์ โดยมีกำไรสุทธิเติบโต 28.3% อยู่ที่ระดับ 8,013 ล้านบาท ยอดขายเพิ่มขึ้น 6.5% อยู่ที่ 141,048 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9.9% อยู่ที่ 25,727 ล้านบาท”

ในปี 2564 บริษัทสามารถทำรายได้รายไตรมาสและผลประกอบการประจำปีที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากมาธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นที่มีการฟื้นตัวและความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนยอดขายมาจากอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 42% อาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็น 41% อาหารสัตว์เลี้ยงและสินค้าที่เพิ่มมูลค่า 17 ส่วนตลาดหลักเป็นสหรัฐ และแคนาดา 45% ยุโรป 28% และไทย 10%