เช็คลิสต์! หุ้นไอพีโอ 24 บริษัทจ่อคิวระดมทุน SET-MAI คึกคัก

ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาแม้ว่าจะเผชิญกับโควิด แต่การระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ด้วยการนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรกหรือ IPO คึกคักไม่น้อย โดยจากข้อมูลของตลท.ตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 19 ส.ค. 64 มีหุ้น IPO  ตบเท้าแต่งตัวเข้าตลาดฯ แล้ว 22 บริษัท แบ่ง เป็น ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ SET จำนวน 12 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 10 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 74,451.34 ล้านบาท มูลค่าเสนอขาย 112,699.62 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ณ ราคาไอพีโออยู่ที่ 365,942.64 ล้านบาท

ราคาหุ้นน้องใหม่หลายตัวที่เข้าเทรดในตลาดฯ ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เทรดวันแรกราคาร้อนแรงพุ่งเหนือจอง  โดยเฉพาะหุ้นมหา ชนอย่าง บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ไอพีโอจำนวน 2,610 ล้านหุ้นและมีรายจองซื้อเข้ามารวมกว่า 530,000 รายการ นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุด เพราะการจัดสรรหุ้นให้กับผู้จองซื้อรายย่อยใช้วิธี Small Lot First  และทันทีที่หุ้นไอพีโอเข้าเทรดวันแรกราคาหุ้นขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่  36.50 บาท หรือ 102.77% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอที่ 18 บาท

ตามติดด้วยหุ้น TQR ที่เปิดซื้อขายตลาดเอ็มเอไอด้วยราคาเสนอซื้อขายสูงสุด (ซิลลิ่ง) ที่ 200% สำหรับวันแรกที่เข้าซื้อขายและวันที่สองชนซิลลิ่งอีก 29.41% ทำให้ตลท.ต้องประกาศเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวัง เพราะในช่วงสองวันนับแต่วันที่เริ่มเข้าซื้อขายราคาหุ้นปรับตัวสูงต่อเนื่อง โดยราคาหุ้น TQR เคยปรับขึ้นสูงสุด 24.80 บาท หรือ 386.27% จากราคาไอพีโอ 5.10 บาท

 ส่วนหุ้น PROEN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อ 29 เม.ย. ที่ผ่านมาเทรดวันแรกราคาร้อนแรงไม่น้อยพุ่งไปแตะที่ 9.75 บาทต่อหุ้น บวก 6.5 บาท หรือปรับขึ้น 200% จากราคาจอง 3.25 บาทต่อหุ้น 

ณะที่หุ้น TIDLOR เทรดวันแรกปรับขึ้น 46.57% อยู่ที่ 53.50 บาทต่อหุ้น จากราคาจองซื้อ 36.50 บาทต่อหุ้น   ซึ่งจะเห็นว่าหุ้นน้องใหม่ที่ตบเท้าเข้าตลาดราคาจะวิ่งเหนือจองทุกราย ยกเว้น หุ้น DMT ของบมจ.ทางยกระดับดอนเมืองแม้เปิดเทรดวันแรกราคา ราคาหุ้นเหนือจอง 10% มาอยู่ที่ 17.60 บาทต่อหุ้น จากราคา IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 16.00 บาทแต่ปิดตลาดราคาหุ้นต่ำกว่าจองอยู่ที่ 15.90 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.62%  

หากมองสถิติการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ช่วง 7 เดือนของตลท.มีจำนวนสูงถึง 4,764,711 บัญชี เพิ่มขึ้น 47.75% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดเปิดบัญชีใหม่อยู่ที่  3,224,672 บัญชี   ซึ่งเทรนด์เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะที่ไทยแต่เป็นสถานการณ์ที่กำลังเกิดทั่วโลก

ทั้งนี้เนื่องจากในหลายประเทศเข้าสุ่ยุคดอกเบี้ยต่ำเพื่อประคองเศรษฐกิจจากพิษโควิดที่ซัดกระหน่ำดังนั้นนักลงทุนจึงต้องขวนขวายหาผลตอบแทนการลงทุนที่สุงขึ้น( search for yield)    โดยโยกเงินออกจากสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนต่ำ เช่น เงินฝากไปลงทุนในตลาดหุ้น  สะท้อนได้จากยอดเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น และส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อยผนวกกับบริษัทจดทะเบียนบางรายมีการกระจายหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากเช่น OR  เป็นการกระตุ้นทำให้มีการเปิดบัญชีหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น

 นอกจากนี้แรงจูงใจจากหุ้นใหญ่เข้าระดมทุนไอพีโอและสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูง เช่น OR หรือ TIDLOR ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหน้าใหม่เห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี จึงโดดเข้ามาลงทุนมากขึ้น

ส่วนแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง มีบริษัทยื่นไฟลิ่งและเตรียมพาเหรดเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจำนวน 24 บริษัทแบ่งเป็น SET  16 บริษัท และ mai อีก 8 บริษัทนำโดย

 1.CIVIL: บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจบริษัทประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่  ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานโครงการในแนวราบ เช่น งานทาง งานท่าอากาศยาน งานทางรถไฟ และงานเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ(2) ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เช่น ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปและวัสดุก่อสร้างต่างๆ

ธุรกิจให้เช่าและบริการอสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 200ล้านหุ้นคิดเป็น 28.57% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ1.00 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินคือบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / บริการรับเหมาก่อสร้าง

2.BRI: บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และทาวน์เฮ้าส์ และอสังหาริมทรัพย์อื่นที่มีลักษณะเดียวกันเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 252.65 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 29.60% ภายหลัง IPO

มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ0.50 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบล.กสิกรไทย   และบล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / พัฒนาอสังหาริมทรัพย์

3. CHIC: บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจเป็นศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน  ที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูบแบบ Stand Alone ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)” และ “รีน่า เฮย์ (Rina Hey)”

เสนอขายหุ้นไม่เกิน 360 ล้านหุ้นคิดเป็น 26.47% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ0.50 บาทที่ปรึกษาทางการเงิน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ บริการ / พาณิชย์

4. CMCF : บริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลแปรรูปบรรจุกระป๋องและถุงสูญญากาศ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการแปรรูปอาหารทะเล และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เสนอขายหุ้นไม่เกิน 187.5ล้านหุ้น

 (คิดเป็น 30% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO) มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ1.00 บาทที่ปรึกษาทางการเงินบล. กสิกรไทย

เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม

 5.CV: บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจด้านวิศวกรรม และธุรกิจอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องด้านพลังงานแบบครบวงจร จำนวนหุ้นที่ IPOไม่เกิน 320 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ0.50 บาทที่ปรึกษาทางการเงินคือบล.ทรีนีตี้  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ทรัพยากร /พลังงานและสาธารณูปโภค

 6.HENG : บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน ซึ่งเน้นให้บริการสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อที่มีบ้านและที่ดินเป็นหลักประกัน และให้บริการสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันรวมถึงบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่  สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ นายหน้าประกันชีวิตและวินาศภัย ภายใต้เครื่องหมายบริการ “เฮงลิสซิ่ง”จำนวนหุ้นที่ IPO จำนวนไม่เกิน 800,837,300 หุ้น คิดเป็น 21.0% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ1 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบล. กสิกรไทย เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ธุรกิจการเงิน / เงินทุนและหลักทรัพย์

7.NV : บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ และธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (OEM)จำนวนหุ้นที่ IPO 150ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ0.50 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ สินค้าอุปโภคและบริโภค / ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์

8.ONEE : บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ลงทุนในธุรกิจหลัก ได้แก่   ธุรกิจผลิตเนื้อหา (Content Provider) ประเภท ละคร ซีรีส์ รายการวาไรตี้ ที่เน้นออกอากาศ

ทางโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลทีวีเป็นหลัก (ช่อง ONE31, บริหารจัดการช่อง GMM25) รวมถึงแพลตฟอร์มต่างๆ ทางออนไลน์ ธุรกิจเช่าสถานีวิทยุและผลิตรายการวิทยุเพื่อขายโฆษณา (รายการวิทยุ EFM  GREENWAVE และ Chill Online)  ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น บริหารจัดการศิลปิน จัดคอนเสิร์ต / อีเว้นท์ บริการให้เช่าสตูดิโอจำนวนหุ้นที่ IPO ไม่เกิน 496,252,500 หุ้น คิดเป็น 20.84% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 2 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบล. เกียรตินาคินภัทร  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ บริการ / สื่อและสิ่งพิมพ์

9.PEACE: บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจพัฒนา  อสังหาริมทรัพย์แนวราบ พื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภายใต้แบรนด์  “Cher” “Cordiz” และ “The Glamor”จำนวนหุ้นที่ IPO  จำนวนไม่เกิน 84 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20% ภายหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 1 บาทที่ปรึกษาทางการเงินบล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / พัฒนาอสังหาริมทรัพย์

10.PIN : บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม พร้อมระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่พาณิชยกรรม และประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่าและขายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม รวมถึงลงทุนและได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (PPF) จำนวนหุ้นที่ IPOไม่เกิน 290ล้านหุ้น คิดเป็น 25 %ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 1 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / พัฒนาอสังหาริมทรัพย์

 11.SVT : บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ( Vending Machine หรือ เครื่องอัตโนมัติ) ซึ่งบริษัทมีโรงงานปรับปรุงสภาพและประกอบ(Refurbishment) เครื่องอัตโนมัติเพื่อจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ พร้อมทั้งจำหน่ายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติให้กับลูกค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNVENDING ”จำนวนหุ้นที่ IPO จำนวนไม่เกิน 200ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPOมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 1 บาท  ที่ปรึกษาทางการเงิน บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย)  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ บริการ / พาณิชย์

 12.TEKA : บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจ รับเหมาก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยเป็นผู้รับเหมาหลักของโครงการ (Main Contractor)ซึ่งครอบคลุมงานตั้งแต่งานโครงสร้าง (Structure) งานสถาปัตยกรรม (Architecture)และงานระบบประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E)จำนวนหุ้นที่ IPO ไม่เกิน 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 25 % ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPOมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 1 บาทที่ปรึกษาทางการเงิน

บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / บริการรับเหมาก่อสร้าง

13.TFM: บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจ โดยมีผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ อาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บกจำนวนหุ้นที่ IPOจำนวนไม่เกิน 109.3ล้านหุ้น คิดเป็น 21.86% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPOมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 2 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบล. บัวหลวง  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / ธุรกิจการเกษตร

14.TKC : บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจบริษัทให้บริการ รับเหมาโครงการแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) โดยออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ พัฒนาซอฟต์แวร์และบำรุงรักษาในสายงานวิศวกรรมระบบโทรคมนาคม (Telecommunications) ระบบสื่อสารข้อมูล (Data Communications)และระบบความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety) รวมถึงให้บริการงานวิศวกรรมและบำรุงรักษา และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจำนวนหุ้นที่ IPO จำนวน 78 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPOมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 1 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ เทคโนโลยี /เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 15. UBE : บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลัง ซึ่งได้แก่ 1. เอทานอลจากแป้งมันสำปะหลัง  2. แป้งฟลาวมันสำปะหลังแบบทั่วไปและแบบออร์แกนิคและแป้งมันสำปะหลัง 3. ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์อื่นๆจำนวนหุ้นที่ IPO จำนวนไม่เกิน 1,370 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 35% ภายหลัง IPO  มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 1 บาท ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ทรัพยากร /พลังงานและสาธาร ณูปโภค

16.  KTBSTMR : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์ สินทรัพย์ลงทุนสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและอาคาร 5 โครงการ ได้แก่ โครงการริช แอสเซ็ท โครงการเอสที บางบ่อ โครงการเอสที บางปะอิน โครงการซัมเมอร์ฮับ และโครงการซัมเมอร์ฮิลล์ ประเภทของทรัสต์กองทรัสต์ไม่กำหนดอายุ และไม่รับไถ่ถอนหน่วยทรัสต์ จำนวนหน่วยทรัสต์ ไม่เกิน 301.5 ล้านหน่วย ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์10 บาท ระดมทุนใน SET กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

17.   BBIK : บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)   ประเภทธุรกิจธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลุยทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องจำนวนหุ้นที่ IPO 25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 0.50 บาทที่ปรึกษาทางการเงินบล.หยวนต้า (ประเทศไทย)  เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

 18. BE8 : บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformationที่ให้บริการแบบครบวงจร ในด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management : CRM)การให้บริการด้านการจัดเก็บและบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)และการสร้างโมเดลการวิเคราะห์กับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายและเป็นพันธมิตรกับบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลกในด้านต่างๆ เช่น Salesforce, Google, MuleSoft, Tableau, Snowflake และ Cloudera เป็นต้นจำนวนหุ้นที่ IPO 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 0.50 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบล.ทรีนีตี้เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

19. CPANEL : บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป อาทิ คาน บันได ผนังรับหลังคา ฟาซาด เป็นต้น ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย อาคารสำ นักงาน โรงแรม อาคารคลังสินค้า และโรงงานอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้า “CPANEL” จำนวนหุ้นที่ IPO 39.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ1 บาทที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัดเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

20.DPAINT : บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) ประเภทธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคารจำนวนหุ้นที่ IPO ไม่เกิน 53.25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ1 บาท บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัดเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 

21.GLORY : บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจจัดจำหน่ายวรรณกรรมออนไลน์ซึ่งประกอบด้วย นิยาย การ์ตูน และหนังสือออนไลน์ โดยมีช่องทางจัดจำหน่ายหลักผ่านเว็บไซต์ “Kawebook.com” และแอปพลิเคชั่น “Kawebook” จำนวนหุ้นที่ IPO 70 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาทที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ

22. HL : บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจ  ถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันลงทุนในธุรกิจร้านขายยา จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอางผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ และธุรกิจคิดค้นพัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์สลายกลิ่น และผลิตภัณฑ์หน้ากาก เป็นต้นจำนวนหุ้นที่ IPO 72 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 0.50 บาทที่ปรึกษาทางการเงินบล.ฟินันเซีย ไซรัส   เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ

 23.JP : บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจพัฒนา ผลิตและจําหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบ ราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวชภัณฑ์ และแอลกอฮอล์ทำความสะอาด ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ ลูกค้า และครื่องหมายการค้าของบริษัท จำนวนหุ้นที่ IPO115 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 0.50 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่  และบริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัดจำกัดเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค

24.TRV : บริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)ประเภทธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่นๆ

จำนวนหุ้นที่ IPO  54.565 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)  หุ้นละ 0.50 บาทที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม

แม้โดยภาพรวม หุ้นไอพีโอในปีนี้จะเป็นแหล่งสร้างกำไรงามๆ ให้กับนักลงทุน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกตัวจะให้ผลลัพธ์เชิงบวกเหมือนกันหมด ยังมีอาการตาดีได้ตาร้ายขาดทุนให้เห็นอยู่เป็นระยะเช่นกัน โดยหุ้นไอพีโอที่เสนอขายในช่วงหลังโควิด-19 และราคาปรับตัวขึ้นร้อนแรงได้ ส่วนหนึ่งจะเป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่(New Normal) เช่น ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับถุงมือยาง, ธุรกิจเทคโนโลยี หรือบางบริษัทเป็นธุรกิจใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาก่อน จึงทำให้มีสตอรี่และได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างถล่มถลาย

แต่ไม่ว่าหน้าหุ้นจะดูดีมีสตอรี่อย่างไร สุดท้ายแล้วการจะเลือกลงทุนในหุ้นบริษัทใดนั้น คงต้องกลับไปพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแผนงานและทิศทางการเติบโตของธุรกิจในช่วง  3-5 ปีข้างหน้า จุดแข็ง-จุดอ่อนของบริษัท งบการเงิน ศักยภาพของทีมผู้บริหาร  รวมถึงมีการการกำกับกิจการที่ดีหรือไม่  และต้องซื้อขายด้วยราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานด้วย ซึ่งต้องอาศัยวินัยในการลงทุน   ประเมินให้ออกว่าช่วงราคาไหนควรขายทำกำไร หรือตัดขาดทุน เพี่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล และจำกัดความเสี่ยงจากการเก็งกำไรที่ผิดทางด้วย

เพราะขึ้นชื่อว่าการลงทุนแล้ว ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง หากผลีผลามแห่ลงทุนตามกระแส หวังแต่กำไรชั่ววูบ ขาดความรู้และไม่ใส่ใจในปัจจัยพื้นฐานแล้ว สุดท้ายจากความตั้งใจที่จะเป็น “นักลงทุน” ก็คงกลายเป็นแค่ “แมงเม่า” ที่ตายเกลื่อนตลาดหุ้นอย่างที่เราเห็นกันจนชินตา...