วัคซีน Sinovac ครองโลก

Editor’s Pick: ‘วัคซีน Sinovac ครองโลก’ เมื่อวัคซีนจีนถูกฉีดมากที่สุดในโลก แต่คำถามคือ “มันสามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์ Delta ได้ดีแค่ไหน?”
Sinovac ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง
การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ของ Airfinity ในกรุงลอนดอนชี้ว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของ Sinovac กลายเป็นวัคซีนที่ฉีดเยอะที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 943 ล้านโดสทั่วโลก โดยภายในสิ้นปี คาดว่า วัคซีนที่ผลิตและพัฒนาโดยจีน อาจมีการใช้งานมากกว่า 2.9 พันล้านโดส
บริษัท Sinovac Biotech กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 รายใหญ่ของโลก และไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ผลิตวัคซีนหลักในจีนเท่านั้น แต่ยังทำข้อตกลงกับประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางไปทั่วโลก ที่แย่งชิงการเข้าถึงวัคซีน เพราะกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยจัดลำดับสำคัญของประชากรตนเองก่อน ขณะที่โครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ค่อนข้างล้มเหลว
ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้วัคซีนของ Sinovac ขึ้นแท่นวัคซีนที่ผลิตเยอะมากที่สุดในโลก แซงหน้าวัคซีนของ Pfizer/BioNTech ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา
ฉีดเยอะที่สุด แต่ป้องกัน Delta ได้ดีแค่ไหน?
วัคซีน Sinovac แสดงผลการป้องกันโรค และการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ค่อนข้างสูง ทั้งทางคลินิกและทางกายภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกลับเรียกร้องขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ผลการต่อต้านไวรัสสายพันธุ์ Delta ว่า Sinovac มีประสิทธิภาพดีแค่ไหน? และยังจำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้น เพื่อเพิ่มการป้องกันให้ดีขึ้นหรือไม่?
คำถามดังกล่าว มาจากผู้ที่ทำงานด่านหน้าในอินโดนีเซีย ซึ่งพึ่งพาการฉีดวัคซีนของ Sinovac เป็นส่วนใหญ่ และต้องต่อสู้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น ซ้ำยังทวีความรุนแรงด้วยไวรัสกลายพันธุ์ที่ติดกันง่ายขึ้น
เมื่อวันพุธ (7 กรกฎาคม) สื่อภายในประเทศ รายงานว่า โนวิเลีย จาฟรี บาชเทียร์ นักวิทยาศาสตร์หัวหน้าทีมทดลองวัคซีน Sinovac ในอินโดนีเซียเสียชีวิต โดยคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิต มาจากการติดเชื้อโควิด-19
กลุ่มอาสาสมัครอิสระ ‘LaporCovid-19’ ที่ติดตามข้อมูลไวรัส พบว่า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กว่า 130 คน ต้องเสียชีวิตจากโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดย 58 คนในจำนวนดังกล่าว เสียชีวิตในเดือนนี้ แต่พวกเขาไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า ผู้เสียชีวิตที่ได้รับวัคซีนครบโดสมีจำนวนเท่าไหร่
“เรายังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ยังรอดชีวิต และมีอาการเล็กน้อย ช่วยสร้างความมั่นใจให้เราว่า วัคซีน Sinovac ยังพอมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งที่จะต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมประชาชนควรที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน” ดิกกี้ บูดิแมน นักระบาดวิทยาชาวอินโดนีเซียแห่งมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ในออสเตรเลีย ซึ่งทำงานร่วมกับ LaporCovid-19 กล่าว
บูดิแมน กล่าวต่ออีกว่า การขาดอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม และสถานการณ์โดยรวมในอินโดนีเซีย ทำให้ไม่กี่วันที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันกว่า 25,000 คน สร้างสถานการณ์ให้มีความเสี่ยงสูงต่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างอิงสมาคมโรงพยาบาลในอินโดนีเซียว่า ประมาณ 95% ของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั่วประเทศ ได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว แต่ภาพรวมของอัตราการฉีดวัคซีนภายในประเทศอยู่ที่เพียง 5% เท่านั้น ตามข้อมูลจากองค์กร Our World in Data
ประสิทธิภาพวัคซีนที่ลดลง
ปัญหาการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในอินโดนีเซีย อาจเชื่อมโยงกับการป้องกันของวัคซีนที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก และทำให้ลดประสิทธิภาพในการต่อต้านสายพันธุ์ Delta ด้วย
“เราไม่สามารถยอมรับการตายที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งเสียชีวิตมากเหมือนที่เกิดขึ้นในตอนนี้” บูดิแมน กล่าว
นอกจากนี้ บูดิแมน สนับสนุนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และเรียกร้องงานวิจัยเพิ่มเติมว่าวัคซีนปกป้องผู้คนได้ดีแค่ไหน
อิลมา ฮิดายานา ผู้ร่วมก่อตั้ง LaporCovid-19 กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากภูมิภาคที่แตกต่างกัน และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง รวมถึงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ด้วย
ไม่ใช่แค่ Sinovac แต่ Pfizer ก็มีประสิทธิภาพลดลงด้วย
จิน ตงหยาน อาจารย์คณะชีวการแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า สำคัญอย่างมากในการศึกษาหาประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac ว่าสามารถต่อต้านสายพันธุ์ Delta ได้ดีแค่ไหน
จิน กล่าวว่า โดยทั่วไปเชื่อว่า วัคซีนทั้งหมดจะมีประสิทธิภาพลดลงเล็กน้อย ต่อกรณีต้านทานโควิดกลายพันธุ์ พร้อมชี้ไปที่ข้อมูลที่ประกาศโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งพบว่า ประสิทธิภาพของ Pfizer ลดลงจาก 90% เหลือ 64% ในการต้านทานอาการของโควิด Delta
แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอล ระบุเพิ่มเติมว่า วัคซีนของ Pfizer ยังมีประสิทธิภาพป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และป้องกันการเกิดอาการรุนแรงอยู่ที่ 93% จากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ Delta
“ประสิทธิภาพของ Sinovac จะตกลงอย่างแน่นอน แต่คำถามคือ 'มันจะลดลงมากแค่ไหน' และเรายังคงต้องพัฒนาวัคซีนที่มีอยู่เดิมอีกมาก” จิน กล่าว
ผลการศึกษานี้ อาจรวมถึงการทดสอบการใช้วัคซีนเข็มที่ 3 ให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และพิจารณาถึงการใช้วัคซีนแบบผสม โดยนำวัคซีนต่างชนิดมาฉีดผสมกัน
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า ด้วยทรัพยากรที่ค่อนข้างขาดแคลน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาวิธีที่ดีที่สุด เพื่อปรับใช้วัคซีนที่มีอยู่เดิมเพื่อต่อต้านสายพันธุ์ Delta และทำความเข้าใจว่าการป้องกันจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก
ฉีด Sinovac เข็ม 3 แอนติบอดีเพิ่ม 10 เท่า
หยิน เว่ยตง ประธานบริษัท Sinovac Biotech กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ China Central เมื่อเดือนที่แล้วว่า อาสาสมัครทดลองทางคลินิกที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac เข็มที่ 3 หลังฉีดเข็มที่ 2 แล้ว ในระยะห่าง 3 และ 6 เดือน พบว่า มีแอนติบอดีเพิ่มถึง 10 เท่า หลังผ่านไป 1 สัปดาห์ และผลวิจัยเพิ่มเติมอยู่ในระหว่างดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ตอบกลับอีเมลล์ที่สอบถามความคิดเห็น เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย
เฟิง จื่อเจียน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน กล่าวกับ สื่อทางการของจีนเมื่อเดือนที่แล้วว่า แอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นโดยวัคซีนที่ผลิตจากจีน 2 ตัว มีประสิทธิภาพป้องกันสายพันธุ์ Delta น้อยกว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น แต่ยังคงสามารถป้องกันได้ โดยเขาไม่ได้ระบุชื่อวัคซีน 2 ตัวดังกล่าว
ผลวิจัยจากประเทศผู้ใช้งานจริง
ในตุรกี วัคซีนต้านโควิดของ Sinovac เป็นตัวแรกที่ถูกเปิดตัวใช้ในประเทศ โดยที่ยังใช้วัคซีนของ Pfizer/BioNTech ด้วยเช่นกัน
นักวิจัยชาวตุรกี ได้ทำการศึกษาจากเจ้าหน้าที่ทางการแทพย์ 1,053 คน พบว่า 3 เดือนหลังจากการฉีดวัคซีนถึง 23% ของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 โดส บุคลากรทางการแพทย์มีค่าแอนติบอดีเป็นกลาง ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้
เมื่อเดือนที่แล้ว ทางการตุรกีได้เสนอฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
เออร์ฮัน อีเซอร์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมานิสา เซลาล บายาร์ของตุรกี กล่าวว่า ตัวเลขที่สำคัญที่สุด คือมีเพียง 2.8% ของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วที่มีอาการป่วย
“ถ้าสถานการณ์คงที่ เราอาจไม่ต้องแนะนำให้ฉีดเข็มกระตุ้น แต่สถานการณ์ในตุรกีอยู่ในขั้นเสี่ยง เนื่องจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ Delta” อีเซอร์ กล่าว
ด้านชิลี ประสิทธิภาพจากการฉีดวัคซีน Sinovac ที่เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ New England เมื่อวันพุธ (7 กรกฎาคม) ระบุว่า วัคซีน Sinovac มีประสิทธิภาพต่อต้านโควิด 65.9% โดย 87.5% ป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาล และ 86.3% ป้องกันการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่า วัคซีนสามารถต่อต้านสายพันธุ์ Delta ได้ดีเพียงใด
หลายประเทศเตรียมเพิ่มเข็มที่ 3
หลายประเทศทั่วโลก กำลังพิจารณาและเตรียมตัวที่จะเปิดใช้วัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเดือนที่แล้ว คณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันของสหราชอาณาจักร แนะนำข้อเสนอให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนกันยายน โดยจะเริ่มในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจเกิดอาการรุนแรงหากติดเชื้อ รวมถึงประชาชนที่มีอายุมากกว่า 70 ปี และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
