กทม. เผย ไข้หวัดใหญ่ผู้ป่วยลด เฝ้าระวังโควิด 19 แม้ทรงตัว

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ ที่ประชุม สำนักอนามัยรายงานสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ ดังนี้ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ในกรุงเทพมหานคร ที่มีการระบาดในช่วงต้นปี โดยจำนวนผู้ป่วยในเดือน ม.ค. - 9 มิ.ย. 68 คือ 47,142 ราย สูงกว่าค่ามัธยฐานปี 5 ปีย้อนหลัง ถึง 2.1 เท่า กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ เด็กวัยเรียนอายุ 5 - 14 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 35 - 44 ปี พบการระบาดมากที่สุดในโรงเรียนและเรือนจำ ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น ผู้ป่วยรายใหม่มีแนวโน้มลดลง ด้านการป้องกันโรค มีการเฝ้าระวังในพื้นที่รวมคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน เรือนจำ โดยคัดกรองผู้ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หากพบผู้ป่วยให้หยุดงานหรือหยุดเรียนและแยกตัว
สถานการณ์โรคโควิด-19 ใน กทม. วันที่ 1 - 7 มิ.ย. 68 มีผู้ป่วยรายใหม่ 7,819 ราย เสียชีวิต 2 ราย ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. - 7 มิ.ย. 68 จำนวน 109,312 ราย เสียชีวิตสะสม 12 ราย ทั้งนี้ แม้โควิด-19 ในปี 68 จะแพร่กระจายในวงกว้างอย่างรวดเร็ว แต่มีอาการความรุนแรงลดลงอย่างชัดเจน แนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้นทรงตัว และคาดการณ์ว่าแนวโน้มน่าจะลดลง แต่อาจมีปัจจัยอื่น เช่น ฝนตกในหลายพื้นที่ โรงเรียนเปิดเทอม กิจกรรมรวมกลุ่มขนาดใหญ่ อาจส่งผลให้การคาดการณ์ไม่แม่นยำ
โรคไข้เลือดออกใน กทม. ข้อมูลวันที่ 1 ม.ค. - 24 พ.ค. 68 พบผู้ป่วยจำนวน 787 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ อายุ 5 - 14 ปี รองลงมาคือ 15 - 34 ปี และ 0 - 4 ปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ภาพรวม กทม. สามารถควบคุมโรคได้ดี ปีนี้อัตราป่วยจำนวนลดลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 67 นอกจากนี้ กทม. ได้ดำเนินการสุ่มสำรวจลูกน้ำยุงลายในหมู่บ้าน ชุมชน สถานศึกษา ศาสนสถาน สถานประกอบการ สถานพยาบาล สวนสาธารณะ และสถานที่ราชการ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ โรคติดต่อเชื้อไวรัสซิกา โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (ชิคุนกุนยา) โรคลิชมาเนีย โรคลีเจียนแนร์ และโรคไอกรน
สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อัตราป่วยโรคซิฟิลิสและหนองใน ใน กทม. ปี 2563 - 2567 โรคซิฟิลิสและหนองในพบมากในกลุ่ม 15 - 24 ปี และเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้านสถานการณ์โรคฝีดาษวานร ใน กทม. ข้อมูลตั้งแต่ 28 ก.ค. 65 - 8 มิ.ย. 68 มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 501 ราย โดยพบในกลุ่มเขตกรุงเทพกลางมากที่สุด สำหรับมาตรการการป้องกันและดูแลรักษา กทม. จะขยายการป้องกันเชิงรุกในสถานศึกษา ชุมชน ร้านยา และส่งเสริมการเข้าถึงการตรวจโรคให้มากขึ้น
ในการนี้ รองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้ให้ข้อสั่งการให้สำนักอนามัยและผู้เกี่ยวข้อง ต้องจัดสรรวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้เพียงพอโดยประสานขอโควตาจำนวนวัคซีนไปยัง สปสช. ด้านโรคโควิด-19 การที่โรคติดและแพร่กระจายง่ายขึ้น ส่งผลให้ประชาชนกระวนกระวายใจ ดังนั้น สำนักอนามัยต้องประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์เพื่อให้ประชาชนไม่ตกใจ และเฝ้าระวังตนเองมากขึ้น รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการพื้นฐานอย่างเคร่งครัด ในส่วนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สาเหตุเกิดจากผู้ป่วยไม่สวมถุงยางอนามัย ดังนั้น ต้องกระจายถุงยางอนามัยให้ได้มากที่สุดและประชาสัมพันธ์สิทธิการเข้าถึงถุงยางอนามัยให้ประชาชนรับทราบ
จากนั้น ที่ประชุมได้รายงานการดำเนินงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยฉีดให้กับประชาชนทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1. ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้รับการจัดสรรวัคซีนไข้หวัดใหญ่จาก สปสช. รวม 395,470 โดส 2. ฉีดวัคซีนในงาน BKK EXPO 2025 (วันที่ 15 - 18 พ.ค. 68) ได้รับการสนับสนุนจาก สปสช. และบริษัท AIA โดยฉีดให้ประชาชน จำนวน 7,757 โดส 3. ลงพื้นที่เชิงรุกฉีดวัคซีนให้ประชาชน ระหว่างวันที่ 17 มี.ค. - 20 เม.ย. 68 เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดในพื้นที่ จำนวน 10,000 โดส นอกจากนี้ ในปี 2568 ยังมีโครงการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ชั้น ป.1 - ป.3 โดยจัดสรรวัคซีนจำนวน 66,689 โดส โครงการเอไอเอแชร์ริ่ง อะ ไลฟ์ ครั้งที่ 12 บริษัท AIA จำกัด สนับสนุนวัคซีนสำหรับพนักงานกวาดและเก็บขยะมูลฝอยและประชาชนทั่วไป รวม 10,000 โดส และสำนักอนามัยได้รับการสนับสนุนวัคซีนจำนวน 6,500 โดส จากกระทรวงสาธารณสุขเพื่อฉีดให้กับบุคลาการทางการแพทย์และสาธารณสุข
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
