เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (4 มี.ค.2565)
ข่าววันนี้ ยังคงระอุไม่เลิกสำหรับสถานการณ์วิกฤต "รัสเซียยูเครน" ความขัดแย้งของสองประเทศที่กระทบทุกด้าน ล่าสุด มีผู้อพยพจากยูเครนทะลุ 1 ล้านคนแล้ว อ่านต่อ เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (3 มี.ค.2565)
เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (4 มี.ค.2565)
กองทัพรัสเซียเข้าควบคุม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่สุดในยุโรปแล้ว หลังเกิดเพลิงไหม้ จากการสู้รบเมื่อคืนนี้
รัฐบาลยูเครนเผย กองทัพรัสเซียได้ควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดเพลิงไหม้ไว้แล้ว ขณะที่ตอนนี้ ยังไม่พบสารกัมมันตรังสีรั่วไหล
ผู้สังเกตการณ์ด้านนิวเคลียร์ยูเครน รายงานว่า กองทัพรัสเซียได้เข้าควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอร์ริสเซีย ในเมืองเอเนอร์โฮดาร์ ไว้แล้ว หลังเมื่อคืนนี้ เกิดการต่อสู้ระหว่างกองทัพรัสเซียและยูเครน จนทำให้โรงไฟฟ้าเกิดเพลิงไหม้
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 เตา ถือเป็นโรงฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป
ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว และยังดำเนินการโรงไฟฟ้าได้ตามปกติ ขณะที่ หน่วยงานควบคุมดูแลนิวเคลียร์ ระบุว่า ยังไม่ตรวจพบการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวในตอนนี้ และยังไม่พบความเปลี่ยนแปลงในระดับกัมมันตรังสีแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวหารัสเซียวันนี้ (4 มีนาคม) ว่า พยายาม ‘ก่อการร้ายนิวเคลียร์’ และเตือนว่าภัยพิบัติเชอร์โนบิลจะเกิดซ้ำขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เขากล่าวว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้ามาโจมตีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์
เซเลนสกี เรียกร้องให้ผู้นำโลกได้ตื่นตัว และปกป้องยุโรปจากความตายที่เกิดจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ หลังกงอกำลังรัสเซียยังโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของทวีป
“ไม่มีประเทศใด นอกจากรัสเซียที่จะโจมตีใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์...นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเราและของมนุษยชาติ ที่รัฐผู้ก่อการร้ายตอนนี้ หันไปใช้วิธีการ ‘ก่อการร้ายนิวเคลียร์’” เซเลนสกี กล่าว
ข้อมูล : TNN World
ไฟไหม้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยูเครน ถ้าระเบิดจะแรงกว่าเหตุเชอร์โนบีล 10 เท่า
รายงานว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียในยูเครน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถูกไฟไหม้จากการโจมตีของรัสเซีย
ก่อนหน้านี้โฆษกของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียได้โพสต์วิดีโอในเทเลแกรม เรียกร้องให้มีการยุติการใช้อาวุธหนักยิงถล่มโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เพราะถือเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงที่อาจเกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
พร้อมกันนี้ยังได้มีการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ยูเครนว่าการยิงของรัสเซียพุ่งเป้าตรงมาที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย และเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ขึ้นในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 1 ใน 6 ตัวของโรงงาน อย่างไรก็ดีเตาปฏิกรณ์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงและไม่ได้มีการปฏิบัติงานในขณะนี้ แต่ยังคงมีเชื้อเพลิงนิวเคลียร์อยู่ภายใน ขณะที่พนักงานดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้เพราะถูกยิง ทั้งนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศยูเครนมากถึง 25%
ล่าสุด ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA ได้เร่งติดต่อ พูดคุยกับ หน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของยูเครน และผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับสถานการณ์ร้ายแรงที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia เรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังและเตือนถึงอันตรายร้ายแรงหากเครื่องปฏิกรณ์ถูกกระทบ
ด้าน นายดมีโตร คูเลบา (Dmytro Kuleba) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน โพสต์ข้อความระบุว่า “กองทัพรัสเซียระดมยิงจากทุกทิศทุกทางเพื่อโจมตี โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หากเกิดการระเบิดออกมาแล้ว จะใหญ่กว่า Chornobyl 10 เท่า! รัสเซียต้องหยุดยิงทันที และปล่อยให้นักดับเพลิง เข้าไปควบคุม
ข้อมูล ข่าวสด , มติชน
UN เผย ผู้อพยพจากยูเครนทะลุ 1 ล้านคนแล้ว ชี้อาจทำให้เกิดปัญหาวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุด
สหประชาชาติ หรือ UN เผยมีพลเรือนอย่างน้อย 1 ล้านคนอพยพออกจากยูเครนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นับตั้งแต่รัสเซียนำกำลังทหารบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เตือนคลื่นผู้อพยพในระดับนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เผยว่า มีพลเรือนอย่างน้อย 1 ล้านคนอพยพออกจากยูเครนตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี (24 กุมภาพันธ์) ที่แล้ว คิดเป็น 2% จากประชากรทั้งหมด 44 ล้านคนของยูเครน และเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 7 วัน ทั้งยังคาดการณ์ว่าคลื่นผู้อพยพจะพุ่งขึ้นเป็น 4 ล้านคน และอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของ UN และหน่วยงานอื่น ๆ กล่าวชื่นชมประเทศเพื่อนบ้านของยูเครนในการเตรียมความพร้อมรองรับคลื่นผู้อพยพระลอกใหม่ด้วยการให้ที่พักพิงในบ้านเรือน โรงกีฬา และอาคารต่าง ๆ
ข้อมูลของ UN ยังระบุว่า มีชาวยูเครนกว่า 500,000 คนที่อพยพไปยังโปแลนด์ กลายเป็นประเทศที่แบกรับจำนวนผู้อพยพจากสงครามในยูเครนมากที่สุดในตอนนี้ ตามมาด้วยฮังการี 116,000 คน มอลโดวา 79,000 คน และสโลวะเกีย 71,200 คน
โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า คลื่นผู้อพยพจากยูเครนที่มีจำนวนสูงในระดับนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ พร้อมกับเตือนว่า ยังมีพลเรือนในยูเครนอีกนับล้านที่ไม่สามารถอพยพหลหนีออกมาได้ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิง เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่สู้รบ
ข้อมูล : TNN World
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
กดเลย >> community แห่งความบันเทิง
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี