รีเซต

RSF ตอบรับหยุดยิงในสงครามซูดานที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี

RSF ตอบรับหยุดยิงในสงครามซูดานที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี
TNN ช่อง16
7 พฤศจิกายน 2568 ( 10:30 )
9

กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (Rapid Support Forces) หรือ RSF แถลงเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ได้ตอบรับข้อเสนอของสหรัฐฯให้มีการหยุดยิงในซูดาน หลังสงครามระหว่าง RSF และกองทัพซูดาน (SAF) ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี

RSF ระบุในแถลงการณ์ว่า ยินดีรับ “การหยุดยิงด้านมนุษยธรรม” ซึ่งเสนอโดยกลุ่มคนกลางที่มีชื่อว่า “Quad” หรือกลุ่ม 4 ประเทศผู้นำกระบวนการไกล่เกลี่ย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยมีเป้าหมายเพื่อ “รับมือกับผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเลวร้ายของสงคราม และเพื่อยกระดับการคุ้มครองพลเรือน”

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำตอบรับอย่างเป็นทางการจากฝั่งกองทัพซูดาน แต่ก่อนหน้านี้ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านกิจการอาหรับและแอฟริกาของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้ “ตกลงในหลักการเบื้องต้นแล้ว” และขณะนี้กำลังหารือรายละเอียดของข้อตกลง เบื้องต้นยังไม่พบการคัดค้านจากฝ่ายใด และตอนนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่รายละเอียดปลีกย่อยของข้อตกลง

สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า แผนดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาทางการเมืองที่ยั่งยืน และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนชุดใหม่ โดย RSF แสดงความตั้งใจอย่างจริงจังที่จะยุติสงครามอันยืดเยื้อนี้

ด้านกองทัพซูดาน (SAF) ยังคงยืนยันจะเดินหน้าการสู้รบต่อ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพเชื่อว่า สมาชิกของ RSF “ไม่สามารถกลับคืนสู่สังคมพลเรือนได้”

นอกจากนี้ SAF เคยระบุชัดว่าไม่ต้องการให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการไกล่เกลี่ย และมีข้อเรียกร้องให้ RSF ถอนกำลังออกจากทุกเมืองที่ยึดครองอยู่

คำแถลงของ RSF มีขึ้นในขณะที่กลุ่มถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุสังหารหมู่ครั้งใหญ่หลังเข้ายึดเมืองเอล-ฟาเชอร์ ในรัฐดาร์ฟูร์เหนือ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม หลังจากปิดล้อมเมืองนานถึง 18 เดือน

ปัจจุบัน RSF ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในภูมิภาคดาร์ฟูร์ทางตะวันตกและบางส่วนของภาคใต้ของประเทศ ขณะที่กองทัพซูดานครอบครองพื้นที่ทางเหนือ ภาคตะวันออก และใจกลางประเทศตามแนวแม่น้ำไนล์และทะเลแดง

องค์การสหประชาชาติระบุว่า มีประชาชนมากกว่า 70,000 คน หลบหนีออกจากเอล-ฟาเชอร์และพื้นที่โดยรอบนับตั้งแต่ RSF เข้ายึดครอง โดยพยานและองค์กรสิทธิมนุษยชนรายงานถึงกรณี “การประหารชีวิตโดยพลการ” การล่วงละเมิดทางเพศ และการสังหารหมู่พลเรือนจำนวนมาก

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า มีผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์กว่า 460 คนถูกสังหารระหว่างการยึดโรงพยาบาลเด็กในเมืองดังกล่าว

รายงานล่าสุดจากมหาวิทยาลัยเยล ผ่าน Humanitarian Research Lab (HRL) เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนว่า ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดตรวจพบ “กิจกรรมที่มีลักษณะสอดคล้องกับการขุดหลุมศพหมู่” ในเมืองเอล-ฟาเชอร์ รายงานระบุว่าพบสัญญาณการกำจัดศพ โดยตรวจพบหลุมดินขนาดใหญ่สองแห่งในบริเวณมัสยิดและโรงพยาบาลเด็กแห่งเดิม รวมถึงร่องรอยการขุดหลุมยาวหลายเมตร และการหายไปของวัตถุที่มีลักษณะคล้ายศพซึ่งก่อนหน้านี้ปรากฏในภาพดาวเทียม บ่งชี้ว่าศพเหล่านั้นอาจถูกเคลื่อนย้ายภายหลัง และยังมีการพบกิจกรรมลักษณะเดียวกันที่โรงพยาบาลอัล-ซาอุดี

สงครามในซูดานเริ่มปะทุขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2023 เป็นการสู้รบระหว่างกองทัพซูดานภายใต้การนำของอัล-บูร์ฮาน กับกองกำลัง RSF ซึ่งมีผู้นำคือ “มูฮัมเหม็ด ฮัมดาน ดักโล” หรือที่รู้จักในชื่อ “เฮเมดตี” อดีตรองผู้บัญชาการของบูร์ฮาน

ทั้งสองฝ่ายถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงคราม ตามรายงานของ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) เมื่อเดือนกันยายน ระบุว่ามีหลักฐานจำนวนมากเกี่ยวกับการสังหารโดยพลการ การโจมตีต่อพลเรือนในวงกว้าง และการทรมาน อีกทั้งยังพบหลักฐานจำนวนมากเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งส่วนใหญ่กระทำโดยสมาชิกของทั้ง RSF และ SAF

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง