รีเซต

โพลมันฟ้อง! เหลือพนักงาน Meta เพียงแค่ 26% ที่ยังเชื่อมั่นใน Mark Zuckerberg

โพลมันฟ้อง! เหลือพนักงาน Meta เพียงแค่ 26% ที่ยังเชื่อมั่นใน Mark Zuckerberg
TNN ช่อง16
15 มิถุนายน 2566 ( 12:11 )
72
โพลมันฟ้อง! เหลือพนักงาน Meta เพียงแค่ 26% ที่ยังเชื่อมั่นใน Mark Zuckerberg

เป็นอีกหนึ่งข่าวที่ไม่ค่อยดีนักของเมตา (Meta) เมื่อสื่ออย่างเดอะ วอชิงตัน โพสต์ (The Washington Post) ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลสำรวจภายในของบริษัท เมตาที่ดำเนินการสำรวจตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน - 10 พฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีพนักงานเพียง 26 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่ยังเชื่อในตัวมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) และผู้นำบริษัท 


นอกจากนี้ มีพนักงานเพียง 43 เปอร์เซ็น เท่านั้นที่รู้สึกว่าพวกเขามีค่า ซึ่งลดลงมาจาก 58 เปอร์เซ็นต์ จากผลการสำรวจในเดือนตุลาคม 2022

กลยุทธ์ปีแห่งประสิทธิภาพกับกำลังใจที่หดหายของพนักงาน 

โดยขวัญกำลังใจที่หดหายของพนักงานอาจมาจากการปลดพนักงานหลายรอบ, การตัดค่าใช้จ่ายและการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน “ปีแห่งประสิทธิภาพ” ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก


สำหรับการปลดพนักงานรอบแรกนั้นเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 โดยบริษัท เมตาปลดพนักงานไปมากถึง 11,000 คน คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนพนักงานทั้งหมด


การปลดพนักงานระลอก 2 ตามมาในเดือนมีนาคม 2023 และลากยาวมาจนถึงเดือนพฤษภาคม 2023 ซึ่งบริษัท เมตาปลดพนักงานเพิ่มอีก 10,000 คน ในรอบนี้


“คุณได้ทำลายขวัญกำลังใจและความมั่นใจในการเป็นผู้นำของผู้ปฏิบัติงานระดับสูงหลายคนที่ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไมเราควรจะอยู่ที่เมตา ?” - หนึ่งในพนักงานบริษัทโพสต์ในฟอรัมภายในหลังการปลดพนักงานรอบ 2


บริษัท เมตา (Meta) ยังคงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีโลกเสมือนและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ 

โดยบริษัท เมตายังคงมุ่งมั่นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีโลกเสมือน (Metaverse) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยกตัวอย่างเช่นแว่นตาเมตา เควส 3 (Meta Quest 3) สำหรับเชื่อมต่อโลกเสมือนจริง


“นอกเหนือจากเอไอ คลื่นเทคโนโลยีหลักอื่น ๆ ที่เรามุ่งเน้นคือ เมตาเวิร์ส” - มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก


แม้วอลล์สตรีท (Wall Street) หรือตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กจะไม่เห็นด้วยว่าการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้บริษัท เมตาได้ผลกำไรแต่หุ้นของบริษัท เมตาก็เพิ่มขึ้น 112 เปอร์เซ็นต์ จากกระแสความนิยมปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน


ข้อมูลจาก Business Insider

ภาพจาก Reuters

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง