รีเซต

โบรกชี้เข้า MSCI กระตุ้น MAKRO แนะ “ซื้อ” มองเป้า 46 บ.

โบรกชี้เข้า MSCI กระตุ้น MAKRO แนะ “ซื้อ” มองเป้า 46 บ.
ทันหุ้น
29 พฤษภาคม 2566 ( 12:52 )
51

บล.อินโนเวสท์เอกซ์ แนะนำ “ซื้อ” MAKRO ให้ราคาเป้าหมาย 46.00 บาท ชี้เข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Indexes เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในระยะสั้น แนวโน้มครึ่งปีหลังกำไรปรับตัวดีขึ้น

 

บล.อินโนเวสท์เอกซ์วิเคราะห์หุ้นบริษัท สยามแมคโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ระบุว่า การดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นตามคาดในไตรมาส 2/66 โดย SSS เพิ่มขึ้น มาร์จินกว้างขึ้น นำโดยธุรกิจ B2B และรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จในช่วงปลายเดือนเม.ย. ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรไตรมาส 2/66 จะเติบโต YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และกำไรจะปรับตัวดีขึ้น HoH ในครึ่งปีหลัง โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง การนำหุ้น MAKRO เข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Indexes โดยมีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในระยะสั้น เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ MAKRO ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 46.00 บาท

 

ยอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/66 เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนให้ SSS ในไตรมาส 2/66 เติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY ในธุรกิจ B2B และอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY ในธุรกิจ B2C ทั้งนี้ในปี 2566 MAKRO วางแผนเปิดสาขาใหม่12 สาขาในประเทศไทย และอย่างน้อย 2 สาขาในต่างประเทศ สำหรับธุรกิจ B2B และเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 3-4 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขา และ Go Fresh 100-150 สาขาในประเทศไทย และซูเปอร์มาร์เก็ต 14 สาขาในมาเลเซีย สำหรับธุรกิจ B2C

 

มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้นนำโดยธุรกิจ B2B MAKRO คาดว่ามาร์จิ้นของธุรกิจ B2B จะปรับตัวดีขึ้นอีก YoY จากการมียอดขายสินค้ากลุ่มอาหารสด และ private brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น มาร์จิ้นของธุรกิจ B2C มีแนวโน้มที่จะทำจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/66 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป QoQ ในช่วงที่เหลือของปีนี้จากต่อรองกับชัพพลายเออร์และ synergy กับธุรกิจ B2B ที่มีมากขึ้น

 

แม้ว่าจะยังคงอ่อนตัวลง YOY จากการแข่งขัน ทั้งนี้จาก synergy ที่ตั้งเป้าไว้ทั้งหมด 2.7 พันล้านบาท นั้นบริษัทรับรู้ไปแล้ว 1.5 พันล้านบาท ในปี 2565 และอีก 1.2 พันล้านบาท จะรับรู้ในปี 2566 (รับรู้ไปแล้ว 200 ล้านบาทในไตรมาส 1/66) ในปี 2566 MAKRO คาดว่าจะสามารถควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายในงบการเงินรวม โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายในธุรกิจ B2C ที่ลดลงจากฐานสูงของปีก่อนจากค่าใช้จ่ายในการรีแบรนด์ร้านและ IT จะถูกชดเชยด้วยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายในธุรกิจ B2B ที่สูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขยายสาขาและธุรกิจ O2O ที่เพิ่มขึ้น

 

รีไฟแนนซ์หนี้เสร็จ หลังจากบริษัท เอก-ชัย ดีสทรีบิวชั่น ชิสเทม จำกัด (MAKRO ถือหุ้น 99.9%) ได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 3.15 หมื่นล้านบาท ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 3.35% ต่อปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. MAKRO ก็นำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปชำระหนี้เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐและบาทที่มีต้นทุนสูงสำหรับ Lotus’s แล้ว ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงและจะช่วยขจัดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยจากเงินกู้สกุลดอล์ลาร์สหรัฐตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป เราประเมินได้ว่า MAKRO จะประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (หลังภาษี) ได้ ~660 ล้านบาท/ปี (ช่วยหนุนให้กำไรเติบโต 8% จากฐานกำไรปี 2565)

 

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาลเมื่อพิจารณานโยบายค่าแรงและค่าไฟฟ้าของพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เราประเมินว่าผลกระทบต่อกำไรของ MAKRO จะมีจำกัด เนื่องจากกำไรที่จะลดลง 1 พันล้านบาท/ปี จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะถูกชดเชยโดยกำไรที่จะเพิ่มขึ้น 800 ล้านบาท/ปี จากการลดค่า Ft โดยที่ยังไม่รวมยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากกำลังซื้อที่สูงขึ้นของกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ

 

สำหรับนโยบายหวยใบเสร็จซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายของผู้ประกอบการ SME เราคาดว่าผลบวกเล็กน้อยต่อยอดขายธุรกิจ B2B จะถูกหักล้างโดยผลลบเล็กน้อยต่อยอดขายธุรกิจ B2C ในขณะที่จะต้องติดตามประเด็นการยกเลิกการผูกขาด และส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมต่อไป

 

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายของรัฐบาลใหม่

จุดเด่น

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) ประกอบธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดและบริการตนเอง (cash & carry) ภายใต้แบรนด์ "Makro" ในประเทศไทย ประเทศกัมพูชา ประเทศจีน และประเทศเมียนมา และแบรนด์ "LOTS Wholesale Solutions" ในประเทศอินเดีย เพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป และประกอบธุรกิจนำเข้า ส่งออก และจำหน่ายอาหารแช่แข็งและแช่เย็น รวมถึงให้บริการด้านจัดเก็บและจัดส่งในธุรกิจ food service

 

บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (CPRD) ถือหุ้น 1) 99.9% ในบริษัท โลติสส์ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (Lotus's Thailand) ซึ่งถือหุ้น 99.9% ในบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ชิสเทม จำกัด (Ek-Chai) (ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อ Lotus's ในประเทศไทย) และ 2) 100% ใน Lotus's Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. (Lotus's Malaysia) ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อ Lotus's ในประเทศมาเลเซีย (เรียกรวมกันว่า "Lotus’s”) หลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรม EBT (เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ MAKRO ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ Lotus's เพื่อแลกกับธุรกิจของ Lotus's แทนการชำระด้วยเงินสด) เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2564 MAKRO มีสัดส่วนการถือหุ้น 99.99% ใน CPRD ทั้งนี้จากข้อมูลของ ยูโรมอนิเตอร์ MAKRO (ธุรกิจ B2B, business-to-business) กับ Lotus's (ธุรกิจ B2C, business-to-consumer) รวมกันกลายเป็นผู้ค้าปลีกค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อพิจารณาจากยอดขายจากการค้าปลีกในปี 2563

 

แนวโน้มธุรกิจ

ในปี 2566 MAKRO คาดว่ายอดขายทั้งธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C จะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูงถึงเลขสองหลัก YoY ในระยะกลางถึงระยะยาวยาว MAKRO ตั้งเป้าที่จะสร้างแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบหลากหลายช่องทาง (omnichannel) ที่มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอาหารสดในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเดียงใต้เป็นหลัก ปริบปรงธุรกิจในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ปรับปรุงศักยภาพของระบบห่วงโซ่อุปทาน และรับรู้ประโยชน์จากการผนิกกำลังทางธุรกิจ บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบน new S curve ด้วยแพลตฟอร์ม B2B Marketplace และรุกธุรกิจ O2O พร้อมบริการจัดส่งทั้งจาก MAKRO และ Lotus's บริษัทตั้งเป้าขยายความเป็นผู้นำในการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายออนไลน์เป็น 15-20%ของยอดขายรวมภายใน 3 ปีข้างหน้า (เทียบกับ 9.5% ของยอดขายในปี 2565) โดยได้รับการสนับสนุนจากการปรับปรุงร้านให้เป็น fulfillment center การก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ และเพิ่มความสามารถในการจัดส่ง

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง