KTB ประเมินแม้เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง แต่ไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
#KTBCompass #ทันหุ้น - KTBCompass ประเมิน แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่อง แต่ประเมินว่าเศรษฐกิจยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ธ.ค. ติดลบ 0.83% YoY หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากราคาหมวดพลังงานและอาหารสดโดยราคาพลังงานหดตัวจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลง ขณะที่ราคาอาหารสดลดลงตามราคาเนื้อสุกรและผักสด สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.58%YOY ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ที่ 1.23% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.27%แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องแต่ประเมินว่าเศรษฐกิจไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจาก 1) มาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานเป็นปัจจัยหลักทำให้อัตราเงินเฟ้อติดลบ และ 2) ผู้ประกอบการเร่งระบายสต๊อกสินค้า และ/หรืออุปทานในตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา Krungthai COMPASS คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 มีแนวโน้มอยู่ที่ 1.0% ชะลอลงจากราคาพลังงานโดยเฉลี่ยที่มีแนวโน้มอยู่ต่ำกว่าปี 2566 ภายใต้สมมติฐานที่ภาครัฐขยายระยะเวลาการพยุงราคาน้ำมันขายปลีกออกไป ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีมีแนวโน้มทรงตัว
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ธ.ค. อยู่ที่ -0.83% ติดลบจากหมวดพลังงานและหมวดอาหารสดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ธ.ค. ติดลบ -0.83%YoY หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ -0.3%/1 จากหมวดพลังงานที่หดตัว -5.12%YoY ติดลบมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ -4.52%YY ตามนโยบายการลดภาระค่าของชีพด้านพลังงานของภาครัฐทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง ขณะที่เงินเข้อหมวดอาหารสดหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ที่ -2.3%YOY เปรียบเทียบเดือนก่อนที่ -0.76%YoY ตามราคาเนื้อสุกรที่ลดลงเนื่องจากปริมาณเนื้อสุกรในระบบเพิ่มขึ้น และราคาผักสดลดลงจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.58% YOY ชะลอตัวต่อเนื่องจากสินค้าที่หดตัวได้แก่ เครื่องประกอบอาหาร ขณะที่ราคาสินค้าที่ขยายตัวชะลอลง ได้แก่ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อาหารบริโภคในบ้าน เครื่องนุ่มห่มและรองเท้า เป็นต้น ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ที่ 1.23% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.27%
แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่อง แต่ประเมินว่าเศรษฐกิจยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจาก
1) ภาครัฐมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหลักทำให้อัตราเงินเฟ้อติดลบ ได้แก่ ลดค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ก.ย. ลดราคาน้ำมันดีเซลในเดือน ต.ค. และลดราคาน้ำมันเบนซินในเดือน พ.ย. ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานในไตรมาสที่ 4/2566 หดตัว -3.7%YoY
2) ราคาสินค้าบางรายการขยายตัวชะลอลงเนื่องจากผู้ประกอบการเร่งระบายสต๊อกสินค้า และ/หรืออุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลรายงานของสภาพัฒน์ที่สินค้าคงคลังปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงผู้ผลิตนำสินค้าในสต๊อกมาขายและอาจปรับลดราคาลงเพื่อเร่งระบายสินค้า นอกจากนี้อุปทานของสินค้าบางชนิดมีปริมาณเพิ่มขึ้นในตลาดทำให้ราคาปรับลดลง เช่น ปริมาณเนื้อสุกรในระบบที่มีมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ราคาเนื้อสุกรปรับลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาสินค้าในกลุ่มนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังอุปทานทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
Krungthai COMPASS ประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.0% ชะลอลงจากปี 2566 ที่ 1.23% จากราคาหมวดพลังงานที่มีแนวโน้มอยู่ต่ำกว่าปี 2566 โดยปรับลดลงตามราคน้ำมันขายปลีกทั้งดีเซลและเบนซิน ภายใต้สมมติฐานที่ภาครัฐตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บทต่อลิตร ซึ่งลดลงจากราคาในปี 2566 เฉลี่ย 32.1 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันเบนซินมีแนวโน้มปรับลดลง ส่วนหนึ่งจากการลดภาษีสรรพสามิตที่คาดว่าจะภาครัฐขยายระยะเวลาออกไป (ที่จะสิ้นสุด 31 ม.ค. 67) ประกอบกับราคา น้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีมีแนวโน้มทรงตัว สำหรับค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โดยเฉพาะในทะเลแดงที่ส่งผลให้ต้นทุนค่าระวางเรื่อขยับขึ้น รวมทั้งแรงกดดันที่มีต่อราคาน้ำมันดิบให้ปรับสูงขึ้นกว่าที่คาดได้