สธ. ขอประชาชนยังคงรักษา “ชีวิตวิถีใหม่” หวั่นโควิด-19 ระบาดใน “ผับ-บาร์” หลังเปิดเฟส 5
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ จากประเทศคูเวต 1 ราย ซูดาน 3 ราย และอังกฤษ 1 ราย ในวันนี้ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,066 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 96.26 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 61 ราย หรือร้อยละ 1.92 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,185 ราย
นพ.โสภณ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 5 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยจำแนกเป็น 1.ประเทศคูเวต 1 ราย เพศชาย อายุ 24 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 29 มิถุนายน เข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวที่สถานที่รัฐจัดให้ในกรุงเทพมหานคร เริ่มป่วยวันที่ 2 กรกฎาคม ด้วยอาการไข้ ระคายเคืองคอ ได้กลิ่นลดลง ได้ตรวจหาเชื้อ ผลพบเชื้อ 2.สหราชอาณาจักร 1 ราย เพศหญิง อายุ 41 ปี เดินทางถึงไทย วันที่ 26 มิถุนายน เข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวที่สถานที่รัฐจัดให้ในจังหวัดชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 1 กรกฎาคม ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ และ 3.ประเทศซูดาน 3 ราย เพศชาย อายุ 23 และ 25 ปี จำนวน 2 ราย เดินทางถึงไทย วันที่ 24 มิถุนายน เข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวที่สถานที่รัฐจัดให้ในจังหวัดชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 2 กรกฎาคม ผลพบเชื้อ
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 5 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มธุรกิจสถานบันเทิงและสถานประกอบการเปิดให้บริการ ซึ่งถือเป็นกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงอาจเกิดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ได้ กระทรวงสาธารณสุขยังคงขอความร่วมมือเจ้าของกิจการไม่หย่อนมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ดำเนินกิจการด้วยฐานวิถีชีวิตใหม่ (New normal) โดยเข้มการจัดพื้นที่แบบเว้นระยะห่าง จัดจุดคัดกรองอายุ/อุณหภูมิ จำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีผู้สัมผัสร่วมบ่อย ๆ และพนักงานทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา ด้านผู้ใช้บริการขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า พกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และลงทะเบียนเข้า-ออก ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่เข้าใช้บริการ เพื่อสะดวกต่อการสอบสวนโรคและติดตามผู้สัมผัสเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังกักกันโรคได้อย่างรวดเร็ว
“อย่างไรก็ตาม ภายหลังการให้บริการและเข้ารับบริการ ขอให้พนักงานและผู้เข้ารับบริการ หมั่นสังเกตอาการตนเอง หากพบว่ามีอาการป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการไข้ ไอ เจ็บคอ ให้หยุดงานและรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติความเสี่ยง เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว” นพ.โสภณ กล่าว