รีเซต

เปิดผับถึงตี 4 "มท.1" ลงนามแล้ว นำร่อง 5 จังหวัด จ่อมีผล 15 ธ.ค.นี้

เปิดผับถึงตี 4 "มท.1" ลงนามแล้ว นำร่อง 5 จังหวัด จ่อมีผล 15 ธ.ค.นี้
TNN ช่อง16
11 ธันวาคม 2566 ( 12:50 )
79

"อนุทิน" ลงนามกฎกระทรวงขยายเวลาเปิด "สถานบริการ"  ถึงตี 4 นำร่อง 5 จังหวัด ย้ำทันบังคับ 15 ธ.ค.นี้ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี 


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการออกข้อกำหนดการเปิดปิดสถานบริการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา


ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามในร่างกฎกระทรวงฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปจะเป็นการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะทันบังคับใช้ตามกรอบเวลาที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ที่จะเริ่มในวันที่ 15 ธ.ค. 66 อย่างแน่นอน


สาระสำคัญของกฎกระทรวงฯ จะเป็นการขยายเวลาให้สถานบริการใน 5 จังหวัด/พื้นที่ ดังต่อไปนี้เปิดให้บริการได้ถึงเวลา 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้นได้ ได้แก่ สถานบริการในท้องที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดเชียงใหม่ และท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี


นอกจากนี้ สถานบริการที่ตั้งที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมทั่วประเทศ ก็สามารถเปิดบริการได้ถึง 4.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ได้เช่นกัน


"เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตามกฎกระทรวงฉบับนี้จะขยายเวลาให้สถานบริการในทุกท้องที่ทั่วประเทศสามารถเปิดบริการในคืนส่งท้ายปีเก่า(31 ธ.ค.) ไปจนถึงเวลา 6.00 น. ของวันปีใหม่(1 ม.ค.)ได้ด้วย" น.ส.ไตรศุลี กล่าว


ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้ให้นโยบายและกำชับหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย ให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งท้องถิ่น และฝ่ายความมั่นคง เพื่อวางแนวทางการดูแลพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อให้การอออกเกณฑ์ขยายเวลาเปิดสถานบริการนำร่องใน 5 จังหวัด/พื้นที่ ดังกล่าวสามารถสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล ควบคู่ไปกับการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม และประชาชนได้รับความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเด็นที่ รมว.มหาดไทยเน้นย้ำให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือการกวดขันไม่ให้มีการเมาแล้วขับ เพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหายหรือสูญเสียต่อประชาชนและสังคมต่อไป




ภาพจาก AFP


ข่าวที่เกี่ยวข้อง