ไฟไหม้โรงแรมดัง สู่มาตรฐานผับบาร์ คืนเคาท์ดาวน์
ความปลอดภัยในสถานบริการ สถานบันเทิง และที่พัก กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองอีกครั้ง หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงแรมย่านถนนตานี ใกล้แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างถนนข้าวสาร เมื่อคืนวันที่ 29 ธันวาคม 2567 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายสัญชาติ ทั้งญี่ปุ่น เยอรมัน และจีน
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว และเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนถึงคืนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเฉลิมฉลองในย่านนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในย่านถนนข้าวสารที่มีชื่อเสียงระดับโลกและเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการฉลองปีใหม่
จุดเริ่มต้นของเพลิงที่ลุกไหม้อย่างรวดเร็วเกิดขึ้นที่ห้องพักชั้น 5 แต่สิ่งที่น่าวิตกกว่านั้นคือ ความยากลำบากในการควบคุมเพลิงและอพยพผู้ประสบภัย จนต้องระดมรถกระเช้าเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในอาคารกว่า 40 ชีวิต บางรายถึงขั้นต้องตัดสินใจกระโดดลงมาจากที่สูงเพื่อเอาชีวิตรอด สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างในระบบรักษาความปลอดภัยและแผนรับมือเหตุฉุกเฉินที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
การตอบสนองของภาครัฐเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งปิดโรงแรมดังกล่าวทันทีเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้เร่งสอบสวนหาสาเหตุและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งออกมาตรการเร่งด่วนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของสถานบริการทุกแห่ง
แต่คำถามสำคัญที่ต้องขบคิดคือ มาตรการเหล่านี้จะสามารถป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นในคืนเคาท์ดาวน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สถานบันเทิง ผับ บาร์ และโรงแรมทั่วกรุงเทพฯ ต่างเตรียมจัดงานฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งจะมีผู้คนแห่ไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ย้อนกลับไปมองประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นโศกนาฏกรรมจากเหตุเพลิงไหม้ในสถานบันเทิงมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งมักจะนำมาซึ่งมาตรการเข้มงวดในระยะสั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ ผ่อนคลายลงตามกาลเวลา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก วงจรนี้จำเป็นต้องถูกยุติด้วยการสร้างระบบตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการในระยะสั้นคือ การตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัย ทางหนีไฟ และแผนอพยพฉุกเฉินของสถานบริการทุกแห่งอย่างละเอียด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจัดงานเคาท์ดาวน์ การจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานให้เหมาะสมกับพื้นที่ และการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินในจุดเสี่ยงต่างๆ
ส่วนมาตรการระยะยาวที่จำเป็นต้องผลักดันคือ การปรับปรุงกฎหมายและข้อบังคับด้านความปลอดภัยให้ทันสมัยและครอบคลุม การพัฒนาระบบการตรวจสอบและออกใบอนุญาตที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ การสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับผู้ประกอบการและพนักงาน รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน
เหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้ควรเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทุกภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงเพื่อรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวหรือสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว แต่เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เพราะความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องที่จะประนีประนอมหรือละเลยได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองที่ควรจะเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม ไม่ใช่น้ำตาและความสูญเสีย
ภาพ Freepik