รีเซต

BGCทุบโต๊ะQ2กระฉูด บรรจุภัณฑ์หนุนรายได้

BGCทุบโต๊ะQ2กระฉูด บรรจุภัณฑ์หนุนรายได้
ทันหุ้น
20 พฤษภาคม 2564 ( 08:00 )
136
BGCทุบโต๊ะQ2กระฉูด บรรจุภัณฑ์หนุนรายได้

 

ทันหุ้น – ผู้บริหาร BGC เล็งยอดขายขวดแก้วไตรมาส 2 พุ่ง! สวนโควิดเหตุไม่มีล็อกดาวน์  เดินหน้าขยายตลาดส่งออกสหรัฐเพิ่ม  ปูพรมรับรู้รายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ BVP และ BGP ปีนี้ไม่น้อยกว่า 500-1,000 ล้านบาท มั่นใจมาร์จิ้นเหนือ 18.68%

 

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2564 มองว่าจะยังคงมีการเติบโตจากไตรมาส 1/2564 ที่มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 3,020ล้านบาท เติบโต 0.2%เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 196ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17%เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าต้นทุนด้านพลังงานจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมดีขึ้น ทำให้กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น

 

โค้ง2ยอดพุ่ง

 

และมองว่ายอดขายในช่วงไตรมาส 2/2564 จะมีการเติบโตดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ปัจจัยสนับสนุนหลักๆ เป็นผลมาจากปริมาณคำสั่งซื้อทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในปีนี้ไม่มีการปิดล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้ความต้องการใช้งานขวดแก้วยังคงมีอยู่ ขณะเดียวกันจากการเข้าไปขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทได้รับออเดอร์จากทั้งทางกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศเพื่อนบ้าน CLMV เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

 

โดยในปี 2564บริษัทคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10%จากปีก่อนที่ราว 9% แม้ว่าในปัจจุบันตู้คอนเทนเนอร์หมุนเวียนในระบบไม่เพียงพอทำให้การขนส่งนั้นมีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม แต่บริษัทยังคงมีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีทำให้ที่ผ่านมาแทบไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัท ได้ติดตามสถานการณ์ของลูกค้าอย่างใกล้ชิด และยังมั่นใจว่าจะสามารถในการบริหารจัดการที่ดีจะทำผลการดำเนินงานไตรมาส 2เติบโตดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้

 

นอกจากนี้ จากการเข้าไปลงทุนใน บริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) และบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาในไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป โดยทั้ง 2บริษัทดังกล่าวที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดี สร้างรายได้จากการขายแพ็กเก็จจิ้งได้เฉลี่ยประมาณ 500-1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งก็คาดว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี2564 ดีกว่าครึ่งปีแรก2564  และหนุนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564ของบริษัทให้มีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน

 

อัพกำลังผลิต

 

ส่วนต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของราคาน้ำมัน มองว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายในการควบคุม Fixed Cost แต่บริษัทยังสามารถจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังได้รับผลดีจากราคาโซดาแอช (Soda ash) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตแก้วที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และราคาเศษแก้วที่ทรงตัว คาดว่าจะยังคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิทั้งปี 2564 ให้อยู่ที่ระดับไม่น้อยกว่า 18.68% และ 5.30%ตามลำดับ จากปีก่อน

 

พร้อมกันนี้ จากการขยายตัวของยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วที่เพิ่มขึ้น ทำให้คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุนก่อสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีกำลังการผลิต 400 ตันต่อวัน ใช้งบลงทุน 1,600ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 18 เดือน ทั้งนี้การเปิดเตาหลอมแก้วใหม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยรองรับการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วทั้งในไทยและต่างประเทศ

 

สำนักวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัดคาดผลประกอบการปี2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 545 ล้านบาท (+5.6% YoY) จากรายได้บรรจุภัณฑ์แก้วปี 2564 เติบโต 8% YoY และลูกค้ามีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง  ทั้งโดยประมาณการยังไม่รวมการควบรวมกิจการบรรจุภัณฑ์กระดาษและพลาสติก  แนะนำ”ซื้อ” ประเมินเหมาะสม ที่ 11บาทต่อหุ้น

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง