BGCส่งออกหนุนQ2 รุกต่างแดนเพิ่มฐาน
#BGC #ทันหุ้น – BGC ตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตเลขตัวเดียวระดับสูง แม้มีความท้าทายด้านต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น พร้อมปรับกลยุทธ์การผลิตให้ชิ้นงานเสียน้อยลง รวมถึงการปรับสูตรการผลิตแก้ว ขณะที่คาดยอดขายไตรมาส 2/2565 โตต่อเนื่อง ลุยขยายตลาดส่งออกเพิ่ม เน้นตลาดสหรัฐที่มีมาร์จิ้นดี และเดนหน้าดีลซื้อกิจการต่อเนื่อง
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ตัวเลขเดียวระดับสูง และเชื่อว่ายังมีการเติบโตที่ดีจากปีก่อน แม้ว่าจะมีความท้าทายจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาโซดาแอชที่ปรับเพิ่มขึ้น จึงทำให้บริษัทมุ่งเน้นที่จะดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าว
โดยการพัฒนาสินค้าให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ให้มีการผลิตชิ้นงานเสียน้อยลงรวมถึงการปรับสูตรการผลิตแก้ว โดยใช้เศษแก้วที่ราคายังขึ้นไม่มากเพิ่มขึ้น และมีการทำให้สินค้าคงคลังเหลือน้อยที่สุด จะได้เสียค่าใช้จ่ายในการจัดการให้น้อยที่สุดและสุดท้ายมีการเจรจาต่อรองราคากับลูกค้า เพื่อขอปรับขึ้นราคาสินค้า
*ยอดขายโตต่อ
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2565 คาดว่ายอดขายยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2565 ที่มียอดขายโต 20% โดยจะมีการขยายตลาดส่งออกมากขึ้น ซึ่งในระยะยาวคาดว่าสัดส่วนส่งออกจะเพิ่มเป็น 15% จากสิ้นไตรมาสแรกอยู่ที่ประมาณ 12% โดยมียอดส่งออก 409 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 มีสัดส่วน 8% หรือ 237 ล้านบาท ซึ่งตลาดส่งออกที่เติบโตมาจากตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่และมีมาร์จิ้นที่ดี รวมถึงตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่กำไรดังกล่าวเกิดจากการขายธุรกิจพลังงานให้กับบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ทำให้มีกำไรพิเศษดังกล่าว แต่หากในแง่ของกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 พบว่ายังติดลบอยู่ เนื่องจากมาร์จิ้นที่ต่ำลง ผลกระทบจากต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 2/2565 กำไรจะกลับมาดีขึ้น โดยคาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย
*ดีลซื้อกิจการ
นายศิลปรัตน์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจโดยการซื้อกิจการ (M&A) หรือการร่วมทุน ขณะนี้บริษัทก็ยังดำเนินการอยู่ เพื่อที่จะหากลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ เข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโต ขณะเดียวกันบริษัทก็มีการลงทุนก่อสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งเป็นโรงงานถุงใส่อาหาร ขนม หรือสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะก่อสร้างเสร็จภายในตุลาคม 2565 นี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางกลยุทธ์ระยะยาวจนถึงปี 2568 จะมียอดขายอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยจะยังคงรักษาธุรกิจกลุ่มแก้วให้มีการเติบโตอย่างแข็งแรงและอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมองหาธุรกิจใหม่ๆ เช่น กลุ่มธุรกิจพลาสติก และธุรกิจฟิล์ม โดยจะเป็นการซื้อกิจการ หรือเข้าไปลงทุนเอง และในด้านการผลิตสินค้าให้มีประสิทธิภาพ สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างดี และสุดท้ายการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น
*เคาะพื้นฐาน 11.50 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุถึง BGC ว่า มองว่าการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์อื่นยังมีความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรจุภัณฑ์แก้ว ซึ่งได้ผลดีจากการบริโภคเครื่องดื่มที่มากขึ้นในฤดูร้อนและการเปิดเมือง การอนุญาตให้ร้านอาหารขยายเวลาเปิดบริการและจำหน่ายเครื่องดื่ม แต่ประเด็นหลักคือ BGC จะยังคงเผชิญภาวะต้นทุนที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นน่าจะยังเป็นส่วนกดดันการเติบโตกำไรของบริษัท
ฝ่ายวิจัยทิสโก้ คาดว่า BGC ในปีนี้จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 530 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน จึงยังคงแนะนำ “ถือ” โดยให้ราคาที่เหมาะสมที่ 11.50 บาทต่อหุ้น