BGRIMแตะ1.5แสนล้าน จ่อฮุบSPP700เมกะวัตต์
ทันหุ้น-สู้โควิด- ประธานกลุ่มBGRIM ฉายภาพกลุ่มคาดมีรายได้แตะ 1.5 แสนล้านปี 2572 จากปัจจุบัน 6 หมื่นล้าน ชี้โรงไฟฟ้ายังเป็นเรือธง พร้อมรุกเฮลธ์แคร์ อุตสาหกรรมเพิ่ม ด้าน ปรียนาถ คาดปีนี้ธุรกิจไฟฟ้าโต 10% เร่งปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้า SPP 700MW ใกล้ได้ข้อสรุป LNG เวียดนาม 2.7 พันเมกะวัตต์ เป้ากำลังการผลิตแตะ 7.2 พันเมกะวัตต์ ปี 2568
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า กลุ่มบีกริมตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 1.5 แสนล้านบาท ในปี 2572 จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ที่ 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ประมาณ 5.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักยังมาจากธุรกิจไฟฟ้า แต่บริษัทก็เดินหน้าที่จะขยายธุรกิจในกลุ่มอื่นๆ ด้วย เช่นกลุ่มอุตสาหกรรม รวมไปถึงกลุ่มเฮลธ์แคร์ เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างคลินิค คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่บริษัทดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชน
*ธุรกิจไฟฟ้าโตต่อ
ขณะที่นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า สำหรับรายได้ธุรกิจไฟฟ้าปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อนที่ 4.46 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 2.26 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กหรือSPP ที่เดินเครื่องผลิตแล้วในไทยและมาเลเซีย รวม 700 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้เป็นโครงการโรงไฟฟ้าในไทยมากกว่า50% คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปีหน้า
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างเจรจาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ(LNG to Power )ในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 2,700 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในปี2564 และยังมีโครงการ LNG to Power ขนาดกำลังการผลิต 3,000 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม ที่ได้มีการได้ลงนามความร่วมมือกับ Petrovietnam Power Corporation ไปในปีที่ผ่าน
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อการอุตสาหกรรมจำนวน 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งสุทธิรวม 980 เมกะวัตต์ เป็นโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนของเดิม เพื่อต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 5 โครงการ และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้า) 2 โครงการ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นระยะเวลา 25 ปี ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก 5 สถาบันการเงินชั้นนำ
อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนร่วมกับ 2 บริษัทชั้นนำด้านการก่อสร้างได้แก่ บริษัท ซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ประเทศไทย และ บริษัท โตชิบา แพลนท์ ซิสเต็มส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส คอร์ปอเรชั่น ทั้งนี้มูลค่ารวมของเงินลงทุนในการดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อการอุตสาหกรรมนี้ คิดเป็นจำนวนรวมโดยประมาณทั้งสิ้น 39,248 ล้านบาท
*ทุ่ม1.8แสนลบ.ขยายธุรกิจ
ทั้งนี้บริษัทยังเชื่อว่าจะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มถึงระดับ 7,200 เมกะวัตต์ ในปี 2568 จากปัจจุบันที่ประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 1.8 แสนล้านบาท จะใช้ส่วนทุนประมาณ 25% และยังมีความสามารถในการระดมทุนได้อีกจำนวนมากจากเครื่องมือทางการเงินแต่ยืนยันจะไม่มีการเพิ่มทุนแน่นอน รวมไปถึงจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้บริษัทยังสนใจที่จะทำโครงการระบบไมโครกริด ระบบสมาร์ทไมโครกริด รวมไปถึงการขยายขอบเขตของลูกค้าอุตสาหกรรมของโครงการโรงไฟฟ้าแบบ Small Power Producer (SPP) เป็นวงกว้างขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพโครงการผลิตไฟฟ้าโดยเอกชนที่ผลิตไฟฟ้าใช้เองหรือจำหน่ายให้ลูกค้าตรงโดยไม่ขายเข้าระบบของการไฟฟ้า (Independent Power Supply: IPS) โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน และล่าสุดก็ได้มีการร่วมลงนามสัญญาความร่วมมือ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. และ PEA ENCOM (บริษัทในเครือของ กฟภ.) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการเป็นผู้นำด้านพลังงานไฟฟ้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มีโอกาสประหยัดเงินลงทุนในสายส่งและอุปกรณ์อื่นในอนาคต