THAI โหลดแฟกเตอร์พุ่ง อัดฝูงบินใหม่-เส้นทางจีน

#THAI #ทันหุ้น – THAI รับดีมานด์พุ่งปี 2569 เร่งขยายฝูงบิน–เปิดเส้นทางใหม่ไปจีนเพิ่มขึ้น หนุนสัดส่วนผู้โดยสารต่อเครื่องโตแตะ 20% ช่วยกระจายความเสี่ยงรายได้และเพิ่มความมั่นคงในช่วงโลว์ซีซัน ลั่นไตรมาส 4/2568 ไฮซีซัน โหลดแฟกเตอร์เฉลี่ย 76–82% พร้อมเดินหน้าลงทุน MRO หมื่นล้านบาท เสริมศักยภาพระยะยาว
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า สถานการณ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังจากที่การบินไทยมีแผนทยอยรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321 neo ทั้งสิ้น 17 ลำตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4/2568 ต่อเนื่องตลอดปี 2569 จำนวน 2 ลำ และโบอิ้ง 787-9 เป็นเครื่องเช่าอีก 1 ลำ เพื่อเสริมทัพเส้นทางบินในภูมิภาคและเส้นทางระยะกลาง (Short-Haul) ซึ่งจะเข้ามาเสริมศักยภาพเส้นทางบินตรงไทย-จีนตั้งแต่ต้นปี 2569 โดยจะเพิ่มความถี่เส้นทางสุวรรณภูมิ-กว่างโจว และสุวรรณภูมิ-ปักกิ่งเป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากปัจจุบันให้บริการอยู่ที่ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะกลับไปทำการบินเส้นทาง (Reopen Routes) เส้นทางบินใหม่สู่เมืองสำคัญอื่นๆ ซึ่งเคยบินในอดีตได้แก่ เซี่ยเหมิน, ฉงชิ่ง, ฉางซา รวมทั้งเปิดเส้นทางบินใหม่ (Open New Routes) ที่ยังไม่เคยมี อู่ฮั่น และเซินเจิ้น โดยทั้งหมดนี้จะเน้นการบินแบบ Daily Flight (1 เที่ยวบินต่อวันต่อเส้นทางบิน) เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร รวมทั้งมีแผนจะเพิ่มความถี่ของเส้นทางบินไปคยา ประเทศอินเดีย เพื่อรองรับไฮซีซัน
*อานิสงส์ตรุษจีน-สงกรานต์
“ถือเป็นจังหวะของการบินไทย เพราะทำแผนทั้งเพิ่มความถี่ กลับมาเปิดเส้นทางบิน และเปิดเส้นทางบินใหม่พอดี ก็คาดหวังว่าจะเข้ามาทันรองรับความต้องการเดินทางช่วงตรุษจีน-สงกรานต์ เพราะก็ยังอยู่ในตาราการบินฤดูหนาว และก็น่าจะเพิ่มเครื่องเข้ามาทันรองรับช่วงวันชาติจีนเดือนตุลาคม 2569”
ทั้งนี้ กลยุทธ์การบริหารเส้นทางไทย-จีน ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด สวนทางตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวลงตลอดช่วงที่ผ่านมา คือการดึงจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ของประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (Hub) เพื่อเชื่อมต่อผู้โดยสารจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ Network Airline ที่เริ่มใช้เน้น Connecting Flight หรือเที่ยวบินต่อเครื่องมากขึ้น
โดยกลยุทธ์นี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยงด้านแหล่งที่มาของรายได้ โดยในปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากผู้โดยสารกลุ่ม Connecting Flight หรือ Network Passenger อยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากตัวเลขหลักเดียวในปี 2567 และยังเป็นส่วนช่วยเติมเต็มที่นั่งในช่วงโลว์ซีซัน ทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากขึ้นตลอดทั้งปี
*ไฮซีซันโค้งท้ายแจ่ม
สำหรับช่วงไตรมาส 4/2568 ถือเป็นช่วงที่มีกิจกรรมการเดินทางสูง โดยเฉพาะในเส้นทางยุโรป (Long-Haul) ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของการบินไทย โดยประเมินยอดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าเฉพาะเส้นทางบินที่มีจำนวนผู้โดยสารหนาแน่น อาทิ ลอนดอน, แฟรงก์เฟิร์ต ฯลฯ จนถึงสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม 2568 มีแนวโน้มเติบโตประมาณ 6-8% YoY
เช่นเดียวกับเส้นทางในทวีปออสเตรเลีย
รวมถึงเอเชียตะวันออกโดยเฉพาะเส้นทางญี่ปุ่นก็ยังได้รับความนิยมเดินทางอย่างหนาแน่น แม้ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวไทยชะลอตัวลง แต่การเดินทางเข้า-ออกประเทศจีน โดยเฉพาะในมณฑลสำคัญๆ อาทิ ปักกิ่ง, กว่างโจว เซี่ยเหมิน, ฉงชิ่ง, ฉางซา, อู่ฮั่น, และเสิ่นเจิ้น ฯลฯ การบินไทยจึงใช้จุดแข็งส่งต่อผู้โดยสารสู่สายการบินพันธมิตรทั่วโลก เบื้องต้นประมาณการอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย (Average Cabin Load Factor) งวดไตรมาส 4/2568 จะอยู่ที่ประมาณ 76 - 82%
“ไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงไฮซีซันซึ่งโดยทั่วไปช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่กิจกรรมการเดินทางสูงโดยเฉพาะเส้นทางหลักของการบินไทย อาทิ ยุโรป ออสเตรเลียยังคงมีอัตราการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าเพิ่มขึ้น Mid Single Digit เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ว่าภาพรวมช่วงที่ผ่านมาจะมีปัจจัยกดดันหลายด้าน แต่ด้วยกลยุทธ์การนำเน็ตเวิร์ก (Network) เข้าไปช่วยเสริม เน้นการรองรับ ผู้โดยสารต่อเครื่อง และผู้โดยสารส่งต่อ (Transfer/Transit) ยังคงช่วยให้อัตราการจองตั๋วโดยสารของการบินไทยยังเติบโตได้ตามแผน”
*ลงทุน MRO หมื่นล้าน
สำหรับความคืบหน้าของโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) มูลค่าลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเพื่อยื่นข้อเสนอให้กับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายในปี 2568 นี้โดยยืนยันว่าการเตรียมการสำหรับโครงการนี้ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
