รีเซต

กรุงเทพวิกฤต เตรียมใช้ชีวิตกลางแจ้งไม่ได้ หากร้อนเพิ่มแค่ “1 องศา” คร่าชีวิตได้นับพัน

กรุงเทพวิกฤต เตรียมใช้ชีวิตกลางแจ้งไม่ได้ หากร้อนเพิ่มแค่ “1 องศา” คร่าชีวิตได้นับพัน
TNN ช่อง16
27 มีนาคม 2568 ( 17:27 )
14

บทความนี้โอ๋อาจจะขอพูดกับพวกเราชาวกรุงเทพโดยตรง โดยเฉพาะใครอยู่ปทุมวัน บางรัก และ ราชเทวี ต้องฟัง เพราะล่าสุดเพิ่งมีรายงานการศึกษาโดย ธนาคารโลก และ กรุงเทพมหานคร เผยแพร่ออกมาเรื่อง
“พลิกโฉมกรุงเทพฯ ให้เย็นสบาย แก้ปัญหาความร้อนเพื่อมหานครที่น่าอยู่” พบว่า

ปัจจุบันกรุงเทพเผชิญกับ ภาวะความร้อนในเมือง ที่รุนแรงมากขึ้น เป็น “เกาะความร้อน” ปรากฎการณ์ที่พื้นที่ในเมือง จะร้อนกว่า นอกเมือง  โดยเฉพาะ   3 เขตโชคร้าย ร้อนที่สุดในกทม.  คือ  ปทุมวัน บางรัก  ราชเทวี ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ  2.8 องศา ยิ่งกลางคืนสูงกว่าถึง 6°C 

เพราะเต็มไปด้วยอาคารสูง พื้นผิวคอนกรีตหนาแน่น   สะสมความร้อนเวลากลางวัน ระบายช้า แน่นอนว่าส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชากร : ค่าไฟแพง เครียด นอนหลับไม่ดี และโรคเรื้อรังต่างๆตามมา 

และในช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา กรุงเทพมีวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศา 60 - 100 วัน หากปล่อยสถานการณ์ไว้แบบนี้ ในปี 2643 จะมีจำนวนวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศา เกือบครึ่งปี! หรือ 153 วัน ซึ่งนับแต่ ปี 2000  อุณหภูมิในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้น  1 - 1.2 °C มานานแล้ว  ทั้งที่ในอดีต กรุงเทพฯ  เคยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28–30°C เท่านั้น

📍 ทำไมกรุงเทพฯ กลายเป็น เกาะความร้อน ? 

1. เต็มไปด้วยวัสดุดูดความร้อน

2. พื้นที่สีเขียวยังไม่เพียงพอ 
'องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ประชาชน 1 คน ต้องการพื้นที่สีเขียว 9-15 ตารางเมตร 
แต่ชาวกรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวเพียง  7.49 ตร.ม. /คน และสัดส่วนพื้นที่ร่มไม้ในเมืองกรุงมีเพียง 17 %

3. ยิ่งร้อน ยิ่งเปิดแอร์  ก็ยิ่งปล่อยความร้อนสู่ภายนอก = โลกก็ยิ่งร้อนขึ้น

🌡หากไม่แก้ที่ต้นเหตุที่ทำให้โลกร้อน อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นแค่ 1 องศา 
 สามารถส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกได้มหาศาล  เหมือนเช่น

เยอรมนี-เบลเยียม (ปี 2021)

น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบหลายทศวรรษ จากฝนตกหนักเพราะ โลกร้อน ขึ้น

อินเดีย-ปากีสถาน (ปี 2022)

มีผู้เสียชีวิตนับพันจากเหตุการณ์คลื่นความร้อนมรณะ พุ่งทะลุ 50 °C ในหลายเมือง เช่น เมืองจาโคบาบัด และ กรุงนิวเดลี 

 กรุงเทพฯ คาดการณ์ว่า

มีผู้เสียชีวิตจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น 1 องศา ถึง  2,300 ราย/ปี  สถิติพอๆกับอุบัติเหตุบนท้องถนน   ปี 2565 คนกรุงเสียชีวิตถึง 2,524 คน เพราะผู้คนจะเจ็บป่วย  ด้วยโรคจากความร้อนและแสงอาทิตย์มากขึ้น

ต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น 17,000 ล้าน/ต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 400–450 บาท/ครัวเรือน /เดือน

ปี 2593 ผู้คนอาจทำงานกลางแจ้งไม่ได้อีกต่อไป  ข้อมูล ปี 2562 พบว่ามีแรงงาน 1.3 ล้านคน ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง อย่างน้อยๆ 1 วันต่อสัปดาห์  แต่ความร้อนที่รุนแรง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ  ทำให้พวกเขาทำงานกลางแจ้งไม่ได้อีกต่อไป  ส่งผลให้ผลิตภาพแรงงานลดลง 3.4 % เสียค่าจ้างแรงงานสูงถึง  44,700 ล้านบาท/ปี  กระทบต่อห่วงโซ่ธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมระดับประเทศ

3 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

เด็กและผู้สูงอายุ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน

อาชีพกลางแจ้ง : ก่อสร้าง กวาดถนน วินมอเตอร์ไซค์ พ่อค้าแม่ค้า Rider

  กลุ่มเปราะบางในชุมชนแออัด ไม่มีแอร์  ไม่มีทางหนีความร้อนไปได้

" หายนะที่อาจเกิดขึ้นแค่การณ์ แปลว่า เรายังมีโอกาส หยุดยั้ง หากทุกคนร่วมมือกัน "

 🏙 สิ่งที่กรุงเทพฯ ทำไปแล้ว  

ระยะแรก
  ปลูกต้นไม้ครบ 1 ล้านต้น  และ “สร้างสวนขนาดเล็ก 15 นาที”  

โครงการ “Metro Forest” ป่ากลางเมืองกรุง พัฒนาโดยเอกชน

ป้ายรถเมล์ Sabuy Square ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ - ช่วยให้ร่มเย็น

ระบบ District Cooling พัฒนาโดยเอกชนในห้างใหญ่ คือการ ผลิตความเย็นที่เดียวและกระจายไปทางท่อ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 และประหยัดพลังงานสูงถึง 50% 


ระยะที่ 2 
Hot Season Framework (ทำช่วงร้อนจัด) 
ใช้เกณฑ์ “Heat Index” แบ่งระดับความร้อนเพื่อเตรียมเตือนภัยประชาชน รับมือกับคลื่นความร้อน แบ่งเป็น  4 ระดับ  เฝ้าระวัง - เตือนภัย - วิกฤต - วิกฤตสุด  ต้องอพยพ หากคลื่นความร้อนสูงเกินกว่า 67 องศา 


🧭 แต่มันก็มีสิ่งที่รายงานแนะนำให้ทำ  “แต่ยังเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ร่วมมือกัน” 

 หาพื้นที่ “ร้อนจัด” เพื่อวางแผนจัดทรัพยากร เช่น  ปลูกต้นไม้เพิ่ม ติดโครงสร้างให้ร่ม  

ตั้ง “Chief Heat Officer” คนและหน่วยงานดูแลเรื่องภัยจากคลื่นความร้อนโดยเฉพาะ

ปรับกฎหมายบังคับให้ตึกใหม่ต้องมีพื้นที่สีเขียว-หลังคาสะท้อนแสง 

เปิด Cooling Centers หรือ “ศูนย์หลบร้อน” ให้ปชช.ในวัด โรงเรียน ห้องสมุด

ทำระบบสื่อสารแจ้งเตือนภัย T - Alert ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มและมีประสิทธิภาพ 

 ขยาย “โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว-น้ำ” ภาครัฐ - เอกชน เพิ่มต้นไม้ สวนสาธารณะ  สวนดาดฟ้า น้ำดื่มสาธารณะให้บริการ 

สุดท้ายอยากฝากไว้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เห็นมีใครทำ ไม่ต้องรอ
เพราะอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น  1 องศา…อาจหมายถึง หนึ่งชีวิตที่หายไปและอาจเป็นคนใกล้ตัวคุณ

ถึงเวลาเลิกถามว่า “ใครจะทำ”  ควรเป็น “เราจะช่วยกันทำยังไง?” ให้กรุงเทพมหานคร บ้านที่เรารัก กลับมาเย็นสบาย กลายเป็นมหานครที่น่าอยู่ต่อไปในอนาคต รุ่นลูก รุ่นหลานเรา




ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง