5 เรื่องที่ควรรู้ เกี่ยวกับ “COP30” เวทีตัดสินอนาคตโลก

การประชุม COP หรือ “Conference of the Parties” คือการประชุมใหญ่ประจำปีของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ซึ่งเป็นเวทีหลักที่ใช้ในการกำหนดทิศทางของนโยบายโลกร้อนร่วมกัน ปีนี้ COP30 จัดขึ้นที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล นับเป็นเวลา 33 ปีหลังจากการประชุมสุดยอดโลกที่กรุงริโอเดอจาเนโร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสนธิสัญญาด้านภูมิอากาศฉบับแรกของโลก และครบ 10 ปีของ “ข้อตกลงปารีส” ที่ผลักดันให้ทุกประเทศร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อน
COP คือหัวใจของการต่อสู้กับโลกร้อนระดับโลก
ปัญหาภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ไม่มีพรมแดน ทุกประเทศจึงต้องร่วมมือกัน ในการประชุม COP แต่ละปี ตัวแทนจาก 198 ประเทศจะมาหารือเพื่อประเมินความก้าวหน้าและกำหนดแนวทางต่อไปในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปกป้องป่า การสนับสนุนทางการเงินแก่ประเทศเปราะบาง และการสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปีนี้ บราซิลในฐานะเจ้าภาพตั้งใจให้การปกป้องป่า การเงินสีเขียว และการช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อน เป็นประเด็นสำคัญของการประชุม
30 ปีแห่งความสำเร็จและข้อตกลงระดับโลก
จุดเริ่มต้นของ COP ย้อนกลับไปในปี 1992 ที่การประชุม Earth Summit ที่ริโอเดอจาเนโร ซึ่งรัฐบาลจาก 154 ประเทศได้ลงนามในอนุสัญญา UNFCCC เพื่อร่วมมือกันควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน การประชุม COP ครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลินในปี 1995 โดยมีแองเกลา เมอร์เคิลเป็นประธาน จากนั้นทุกปีประเทศต่าง ๆ จะผลัดกันเป็นเจ้าภาพและต้องตัดสินใจแบบ “ฉันทามติ” เพื่อให้ทุกประเทศเห็นพ้องร่วมกัน
ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา COP ได้สร้างข้อตกลงสำคัญ เช่น พิธีสารเกียวโตปี 1997 ซึ่งเป็นการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซแบบมีผลผูกพันทางกฎหมายครั้งแรก และข้อตกลงปารีสปี 2015 ที่กำหนดให้ทุกประเทศร่วมมือกันจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้น้อยกว่า 2 องศาเซลเซียส พร้อมตั้งเป้าที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ 1.5 องศา
ข้อตกลงปารีสยังคงเดินหน้าและได้ผลจริง
ข้อตกลงปารีสถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สุดของการประชุม COP โดยกำหนดให้ทุกประเทศต้องจัดทำ “แผนปฏิบัติการด้านภูมิอากาศแห่งชาติ” หรือ NDC (Nationally Determined Contribution) ทุก 5 ปี เพื่อระบุเป้าหมายและแนวทางลดการปล่อยก๊าซของตนเอง ปีนี้จะเป็นรอบสำคัญที่แต่ละประเทศต้องเสนอแผนใหม่ และประเมินช่องว่างระหว่าง “สิ่งที่ทำอยู่” กับ “สิ่งที่จำเป็นต้องทำ” เพื่อรักษาเป้าหมาย 1.5 องศาให้ได้ แม้ยังมีความท้าทาย แต่ความร่วมมือหลังข้อตกลงปารีสได้ผลอย่างเห็นได้ชัด อัตราการคาดการณ์อุณหภูมิโลกในปี 2100 ลดลงจากกว่า 4 องศา เหลือประมาณ 2.3–2.5 องศา แสดงให้เห็นว่าทิศทางการลดโลกร้อนเริ่มชัดขึ้น
ความเป็นธรรมคือหลักการสำคัญของ COP
โลกร้อนกระทบทุกคน แต่ไม่เท่ากัน ประเทศพัฒนาแล้วมีทรัพยากรมากกว่า จึงต้องรับผิดชอบมากกว่า หลักการนี้เรียกว่า ความรับผิดชอบร่วมกันแต่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของ COP และเป็นเหตุผลที่การจัดสรรเงินทุนด้านภูมิอากาศมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ที่การประชุม COP29 ประเทศต่าง ๆ รวมถึงสหภาพยุโรปได้ตกลงจะเพิ่มเงินสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาจาก 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็น 300,000 ล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าระดมเงินจากภาครัฐและเอกชนให้ได้ถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2035
สหภาพยุโรปและธนาคารการลงทุนยุโรปยังเป็นผู้ให้ทุนรายใหญ่ที่สุด โดยในปี 2024 ได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือด้านภูมิอากาศกว่า 31,700 ล้านยูโร และระดมเงินเอกชนเพิ่มเติมอีกกว่า 11,000 ล้านยูโร เพื่อช่วยประเทศยากจนรับมือกับผลกระทบของโลกร้อน
ยุโรปกับบทบาทผู้นำในการผลักดันโลกสีเขียว
ยุโรปเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ดำเนินการจริงจังที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซ ตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปี 2024 ยุโรปสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 37% ในขณะที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้นถึง 71% และตั้งเป้าลดให้ได้ 90% ภายในปี 2040 รวมถึงมุ่งสู่ความเป็น “ทวีปปลอดคาร์บอน” ภายในปี 2050
กลไกสำคัญของยุโรปคือระบบการค้าคาร์บอน (ETS) ที่กำหนดเพดานการปล่อยก๊าซให้ภาคอุตสาหกรรมและพลังงาน พร้อมเปิดให้ซื้อขายโควตาเพื่อจูงใจให้ลดการปล่อยก๊าซ ผลคือ ปัจจุบันการปล่อยก๊าซในภาคนี้ลดลงถึง 48% จากปี 2005 และอยู่ในเส้นทางสู่เป้าหมาย -62% ภายในปี 2030การประชุม COP30 จึงเป็นอีกครั้งที่ยุโรปตั้งใจจะแสดงให้เห็นว่าความทะเยอทะยานด้านภูมิอากาศสามารถเดินคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา การประชุม COP ได้กลายเป็นหัวใจของความร่วมมือระดับโลกในการต่อสู้กับวิกฤตภูมิอากาศ จากริโอถึงเกียวโต จากเกียวโตถึงปารีส ทุกครั้งคือการก้าวต่อของมนุษยชาติในการรักษาโลกใบนี้ไว้ COP30 ที่เบเลงไม่เพียงเป็นการทบทวนความคืบหน้าเท่านั้น แต่ยังเป็น “โอกาสครั้งสำคัญ” ที่ประเทศทั่วโลกจะร่วมกันยืนยันอีกครั้งว่า โลกยังไม่ยอมแพ้ต่อวิกฤตโลกร้อน และจะเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
