ระวัง! เชื้อโรคตัวจิ๋ว วายร้ายที่มาพร้อมกับฝนตก และลมหนาว ไข้หวัดแพร่กระจายเต็มพื้นที่

เนื่องจากความชื้นสูงและอากาศที่เย็นลง ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดี และทนทานมากขึ้น นอกจากนี้การสัมผัสกับเชื้อโรคที่พัดพามากับลมฝน ทำให้รับเชื้อ และป่วยง่ายขึ้น บทความนี้จะอธิบายถึงหลักการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ เพื่อใช้สำหรับดูแลตนเองและคนรอบข้างได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
เจ้าเชื้อโรคตัวน้อย แพร่กระจายหลัก ๆ ได้ 3 วิธี
Contact transmission คือการสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น การสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือการสัมผัสทางอ้อมเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ลูกบิดประตู, โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ แล้วนำมือที่ปนเปื้อนมาสัมผัสกับปาก จมูก หรือตา เช่น แบคทีเรีย
Droplet transmission คือการที่โรคแพร่กระจายไปกับฝอยละอองขนาดใหญ่ จากการ ไอ จาม หรือพูด ละอองฝอยที่มีเชื้อจะแพร่กระจายในอากาศในระยะทางใกล้ ๆ (ประมาณ 1 เมตร) เช่น ไข้หวัดใหญ่
Air-borne transmission คือการที่โรคแพร่กระจายไปกับฝอยละอองขนาดเล็ก ฝอยละอองที่มีเชื้อสามารถกระจายไปได้ไกลในอากาศ เช่น วัณโรค
เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุช่องทางเดินหายใจส่วนบนและเริ่มแบ่งตัว โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 1 ถึง 3 วัน ก็จะเริ่มแสดงอาการ
-หากเจ้าเชื้อโรคตัวน้อย ก่อโรคในจมูก ทำให้มีน้ำมูก คัดจมูก แสบจมูก จาม
-หากลุกลามไปในคอ ทำให้มีอาการเจ็บคอ ระคายคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ไอ
-หากลุกลามลงไปถึงหลอดลม à ทำให้มีเสมหะ ไอ เสียงแหบ
-หากเจ้าเชื้อโรคตัวน้อย ก้าวร้าวมาก ลุกลามไปที่ปอด ทำให้ ไอ เสมหะ เจ็บหน้าอก เหนื่อย
โดยส่วนมาก เชื้อโรคตัวน้อย มักเป็นไวรัส (70 – 80%) ให้เกิดอาการไข้หวัด ซึ่งการรักษา คือการรักษาตามอาการ ไม่มีประโยชน์ของยาปฏิชีวนะ และการทานยาปฏิชีวนะที่เกินความจำเป็น ส่งเสริมให้เกิดเชื้อดื้อยา ถึงจะเป็นส่วนน้อยที่เป็นแบคทีเรีย แต่การรักษาช่างต่างกัน การได้ยาปฏิชีวนะนั้น ช่วยให้การรักษาเหมาะสมและหายไว
บางช่วงที่ไข้หวัดใหญ่หรือโควิดระบาด หากไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก คัดจมูก เจ็บคอ ไอ เหนื่อย เจ็บหน้าอก ควรตรวจเชื้อเพื่อยืนยัน เพราะการได้รับยาฆ่าเชื้อไวรัสอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทำให้หายป่วย ลดภาวะแทรกซ้อน และการเสียชีวิตได้
“เพื่อคนที่คุณรัก” หากไม่อยากเจ็บป่วย เราต้องช่วยดูแลกันและกัน
-ลดการกระจายเชื้อ เมื่อเจ็บป่วยสวมหน้ากากอนามัย
-ส่งเสริมสุขภาพ โดยทานอาหารครบ 5 หมู่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
-กระตุ้นภูมิต้านทาน โดยวัคซีนอย่างเหมาะสม ตามช่วงวัย และโรคประจำตัว
“วัคซีนไข้หวัดใหญ่” วัคซีนหลักที่แนะนำสำหรับทุกช่วงวัย
แต่หลายคน กลัวเลือด กลัวเข็ม ถ้าต้องฉีดวัคซีน ขอ “ไม่” ดีกว่า
วัคซีน (Live Attenuated Influenza Vaccine : LAIV) ... วัคซีนแบบไม่เจ็บตัว อีกทางเลือกเพื่อสุขภาพ
สำหรับผู้มีอายุ 2–49 ปี
ประสิทธิภาพการป้องกันโรคได้สูงถึง 88% ลดการนอนโรงพยาบาล 63% และภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ข้อจำกัดการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิดใหม่แบบพ่นจมูก
-ไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์
-ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
-ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดรุนแรง หรือมีภาวะหลอดลมไว
-ใช้ยาในกลุ่ม Aspirin
-ผู้ที่เพิ่งป่วยเป็น Guillain-Barré syndrome ภายใน 8 สัปดาห์
-ผู้ที่เคยมีอาการแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบของวัคซีน
หากเราใส่ใจ ดูแลกันและกัน เพียงเท่านี้ ก็สามารถป้องกันตนเองและคนที่เรารักให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคตัวน้อย และห่างไกลจากโรคได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
