TFGรับโชคราคาหมูแพง ส่งออกอื้อรายได้โต20%
ทันหุ้น – TFG รับอานิสงส์ราคาหมูพุ่งแรง หนุนรายได้เพิ่ม ด้านผู้บริหาร “เพชร นันทวิสัย” ชี้แนวโน้มราคาหมูมีแนวโน้มทรงตัวระดับสูงทั้งปี หลังซัพพลายในตลาดน้อย ปักธงรายได้ปี 2565 โต 15-20% ธุรกิจหมู-ไก่ เติบโตดี ขณะที่ราคาขายดีขึ้นต่อเนื่อง ตลาดส่งออกสดใส ยุโรปกลับมาฟื้นตัว ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์ปี 2565 ยังเติบโตดีกว่า 10% พร้อมตั้งงบลงทุน 5.5 พันล้านบาท ขยายธุรกิจหมูในไทย-เวียดนาม แย้มไม่ปิดโอกาสศึกษาอาหารจากพืช
นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า สำหรับปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 15-20% จากปี 2564 โดยธุรกิจหมูมีโอกาสเติบโตสูง คาดว่าจะเติบโตกว่า 20% ทั้งจากในไทยและเวียดนาม ซึ่งเวียดนามก็มีการเติบโตขึ้นเท่าตัว จากเดิมที่มียอดขาย 15,000 ตันต่อเดือนจะเพิ่มเป็น 30,000 ตันต่อเดือน
*ราคาขายหมู-ไก่ปรับขึ้น
ขณะที่ราคาหมูหน้าฟาร์มปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 100 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยปีก่อนที่ 72-75 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปริมาณซัพพลายที่ลดลง ราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นรวมไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยที่จะต่ออุตสาหกรรม ดังนั้นมองว่าราคาหมูน่าจะไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว และยังสามารถทรงตัวในระดับสูงได้
ขณะที่ธุรกิจไก่คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง รวมไปถึงการส่งออกไก่มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2565 จะมียอดการส่งออกที่ 75,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 65,000 ตัน โดยการส่งออกไปยังยุโรปมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากสถานการณ์ภาพรวมที่คลี่คลายขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ตลาดมาเลเซียก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากเริ่มเปิดตลาดไปช่วงไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ตลาดส่งออกหลักของบริษัทอยู่ที่ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน โดยการส่งออกไก่คิดเป็น 25% ของยอดรวม ขณะที่โรงปรุงสุกก็มีแนวโน้มยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปี 2565 จะเพิ่มเป็น 18,000 ตัน จากปี 2564 ที่ 14,000 ตัน ตลาดหลักเป็นยุโรปและญี่ปุ่น ส่วนราคาไก่ก็มีทิศทางดีเช่นเดียวกันกับราคาหมู ปัจจุบันอยู่ที่ 37 บาทต่อกิโลกรัม จากปีก่อนที่ประมาณ 34 บาทต่อกิโลกรัม
*ร้านสะดวกซื้อโตดี
ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์ที่ผ่านมา ยังมีการเติบโตได้ดีระดับ 10% ในระยะ 5-7 ปี แต่อาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องของผู้ประกอบการที่อาจจะลดลงไปบ้าง หลังจากต้นทุนวัตถุดิบแพง แต่ภาพรวมก็ยังเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้คาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตได้ 10%นอกจากนี้อีกปัจจัยที่จะสนับสนุนการเติบโตร้านสะดวกซื้อสำหรับเนื้อสดแปรรูป “Thai foods fresh market” ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเนื้อสัตว์
โดยปีนี้คาดว่าจะขยายสาขาเป็น 200 สาขา จากปี 2564 มีจำนวนสาขาที่ 85 สาขา สำหรับงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ที่ 5,500 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนหลักจะใช้สำหรับการขยายในส่วนของธุรกิจหมู ทั้งในไทยและเวียดนาม พร้อมกันนี้ในส่วนของ Plant-based Foodบริษัทก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสก็มีการศึกษาเช่นเดียวกัน
*แนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าเนื้อหมูแพงพุ่งแตะกิโลกรัมละ 220 บาท รับเทศกาลปีใหม่ ผลจากต้นทุนสูง ผลิตน้อย พาณิชย์เร่งแก้ปัญหา เตรียมขยายโครงการ "พาณิชย์ลดราคาหมูเนื้อแดง" การปรับขึ้นของราคาหมูเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ผลิตที่มีสัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศมากกว่ารายอื่น ซึ่งก็คือ TFG ขณะที่อีกด้านหนึ่งจะเป็นปัจจัยเชิงลบ Sentiment ต่อกลุ่มอาหารโดยภาพรวม โดยประเมิน TFG ว่ามีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจร้านสะดวกซื้อ สำหรับเนื้อสดในรูปแบบตลาดสดภายใต้ชื่อร้าน Thai foodsfresh market เนื่องจากเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับเนื้อสัตว์ทำให้อัตรากำ ไรขั้นต้นโดยรวมดีขึ้น และรายได้ถือว่าเริ่ม มีนัยสำคัญเร็วกว่าคาดปัจจุบันอยู่ที่ราว 250 ล้านบาท ไตรมาสจาก 17 สาขา และคาดว่าจะมีนัยสำคัญมากขึ้นในปี 2565 ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท ปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน