JMTเข้าไฮซีซันดีลพรึ่บ สถาบันเคลียร์NPLท้ายปี
#JMT #ทันหุ้น - JMT มองโค้งสุดท้ายปีนี้พีคสุด คาดสถาบันการเงินเร่งปล่อย NPL จำนวนมากส่งท้ายปี มั่นใจทั้งปี 2565 ใช้เงินลงทุนเต็มจำนวน 1 หมื่นล้านบาท แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 3/2565 แจ่ม แย้มสนใจศึกษาการร่วมทุนพาร์ทเนอร์เพิ่ม มั่นใจกำไรปี 2565 โตเข้าเป้า 45% กูรูแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 84.50 บาท
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย และธุรกิจประกันภัย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565คาดว่าจะมีการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
หลักๆ เป็นผลมาจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ซึ่งเป็นปกติที่ทางสถาบันการเงินจะเร่งนำเอาหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ออกมาจำหน่ายในช่วงปลายปี ที่ผ่านมาบริษัทได้มีเสนอราคาและเจรจากับสถาบันการเงิน และที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะทยอยได้ข้อสรุปผู้ชนะในช่วงที่เหลือของปีนี้จำนวนมาก สะท้อนต่อความสามารถจัดหาหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาได้มากขึ้น จากในช่วงครึ่งแรกปี 2565 ที่มีพอร์ตบริหารหนี้อยู่ที่กว่า 245,000 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีใช้เงินลงทุนได้ครบตามจำนวน 10,000ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ และหากมีดีลที่หน้าสนใจก็พร้อมที่จะใส่เงินลงทุนเพิ่มเช่นเดียวกัน จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้บริษัทคาดผลประกอบการในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเติบโตไว้ที่ไม่น้อยกว่า 45%เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 1,400.37 ล้านบาท ผลมาจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของพอร์ตบริหารหนี้ ที่ส่งผลทำให้ทิศทางการจัดเก็บหนี้เสียขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
@ร่วมมือพันธมิตร
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก เพื่อมองหาการร่วมมือ สร้างเสถรียภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับทิศทางผลงานในไตรมาส 3/2565 ของบริษัทว่า จะเติบอย่างชัดเจนจากช่วงไตรมาส 2/2565 เนื่องจากยอดจัดเก็บหนี้เสีย มีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังอาจจะมีการรับรู้ NPL ที่ประมูลเข้ามาใหม่ในช่วงที่เหลือปีนี้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ JMT เดินหน้าเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวอายุ 3 ปี ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 ซึ่งได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1,000 บาท กำหนดราคาที่เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยมีมูลค่าการเสนอขายรวมในครั้งนี้ไม่เกิน 3,375 ล้านบาท
โดยบริษัทเตรียมนำเงินทุนที่ได้ใช้สนับสนุนการขยายธุรกิจ รองรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านการบริหารต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ย รับโอกาสจากภาพรวมหนี้เสียในระบบที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ด้านผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่ง เพราะมีรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างโอกาสได้ทั้งในภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นและลง แม้ภายใต้วิกฤติจากสถานการณ์โควิดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
@เป้า 84.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้หาคำตอบให้นักลงทุนว่า JMT ยังเป็นหุ้น Growth Stock อยู่หรือไม่ผ่าน 3ประเด็นหลักที่สำคัญ คือ 1. การเก็บเงินสด (Cash Collection) ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย โดยปี 2565 ที่ 5,000 ล้านบาท และบรรลุไปแล้ว 56% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเก็บได้อีก 3,200 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 2,200 ล้านบาท
2. การซื้อหนี้ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ที่เป็นช่วงฤดูกาลแบงก์นำ NPL ออกมาขาย คาดว่า JMT จะซื้อได้อย่างน้อย 7,000 ล้านบาท (ตามประมาณการของฝ่ายวิจัย ซึ่งอนุรักษ์นิยมกว่าบริษัทที่ 10,000 ล้านบาทอยู่แล้ว) และ 3. หลังร่วม JV กับ KBANK คาดว่าจะมีดีลแบงก์อื่นๆ ให้เห็นอีก (เพราะไม่ได้เป็นดีล Exclusive รายเดียว) เนื่องจากแบงก์ต่างต้องการ Partner เพื่อจัดการ NPL ดังนั้น จึงเป็น Upside ในระยะยาวเพิ่มเติมอีก แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 84.50 บาท