รีเซต

นายกฯขอแบงก์อัดฉีดเงิน สู่ภาคการผลิต-เร่งแก้หนี้

นายกฯขอแบงก์อัดฉีดเงิน สู่ภาคการผลิต-เร่งแก้หนี้
ทันหุ้น
23 กันยายน 2568 ( 07:45 )
11

#นายกฯ #สมาคมธนาคารไทย #ทันหุ้น นายก หารือสมาคมธนาคารไทยพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาหนี้  หนี้ครัวเรือน-หนี้SMEs” มองเป็นโจทย์ต้องแก้เร่งด่วน พร้อมขอความร่วมมือผ่อนปรน-เพิ่มสภาพคล่องภาคธุรกิจที่มีศักยภาพการผลิต  ที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็ว-ยั่งยืนในระยะยาว  ด้านโบรกมองกลุ่มแบงก์เริ่มกลับมาน่าสนใจแนะทยอยสะสม

วานนี้ (22 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และทีมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ได้เดินทางเพื่อหารือกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อขอความร่วมมือในการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

นายอนุทิน  ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้หารือกับทางสมาคม ธนาคารไทย เพราะรัฐบาลมีความห่วงใยในหลายเรื่อง ทั้งปัญหาหนี้สินของประชาชน หนี้ครัวเรือน และหนี้สินของ SMEs โดยขอความร่วมมือ กับสมาคมธนาคารไทย ในการผ่อนปรนและเร่งฉีดสภาพคล่องเข้าไปในตลาด สำหรับลูกค้าที่ยังมีศักยภาพในการผลิตสินค้า ที่ต้องการใช้ระบบของธนาคารไทย เพื่อกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนอีกครั้ง และสามารถแข่งขันกับตลาดโลก ที่มีพื้นฐานธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

@มุ่งฟื้นเศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้บทบาทของรัฐบาลมีหน้าที่เห็นชอบและผลักดัน ตามที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่เสนอขึ้นมา ที่การต้อง ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้เร็วและยั่งยืน โดยเป็นการฟื้นระยะสั้น แต่มีผลระยะยาว ซึ่งให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจ  เพื่อเพิ่มความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะเน้นการทำ Quick Big Win เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ กับเศรษฐกิจไทย

รวมถึงเตรียมความพร้อมให้กับประเทศในการเร่งเพิ่มมูลค่าและศักยภาพในแต่ภาคส่วนต่างๆ เพื่อขยายขนาด ทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งภาคการ ท่องเที่ยวที่เป็น Sector ที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยมากที่สุด รวมถึงการบริการ, Medical Wellness, เกษตรกรรม ทั้งผู้ผลิต ผู้แปรรูป และการจัดการเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร อีกทั้งยังมี อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมไฮเทค ซึ่งประเทศไทยยังมีพื้นที่เพียงพอในการรองรับการขยาย การลงทุน

@เพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้

นอกจากนี้ทางธนาคารต้องประเมินศักยภาพของลูกหนี้ โดยขอให้ธนาคารพยายามฉีดเม็ดเงิน เข้าไปในระบบ ให้มากหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้เงินเก่าที่ติดอยู่หายไป ซึ่งความเสี่ยงของปัญหาไม่ใช่ ธนาคารไม่อยากปล่อยกู้แต่คือ SMEs ที่มีความเสี่ยงสูง

นายอนุทิน กล่าวว่า บทบาทสมาคมธนาคารไทย เปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่น ที่จะไปหล่อเลี้ยงให้เครื่องจักร ทางธุรกิจทำงานได้อย่างราบรื่นและส่งเสริมเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ซึ่งสิ่งที่จะทำร่วมกัน คือ การเพิ่มสภาพคล่องให้ SMEs เป็น หัวใจหลั กของผู้ประกอบการไทย

 โดยรัฐบาลจะพยายามให้สภาพคล่องเข้าถึงพวกเขา นอกจากการแก้ปัญหาระยะสั้นแล้ว ต้องเตรียมพร้อมให้ SMEs สู่โลกยุคใหม่ ให้สามารถแข่งขันได้เก่งขึ้นและพัฒนาทักษะ ซึ่งรัฐบาลจะต้องช่วยหาช่องทาง ในการจำหน่าย ให้มากขึ้น  และไม่ยึดติดกับประเทศคู่ค้าเดิม แต่ต้องไปหาภูมิภาคใหม่ๆ เพื่อกระจายสินค้าไทย ให้ได้รับการยอมรับ และเชื่อถือในระดับโลก

@แก้ปัญหาหนี้เร่งด่วน

นายผยง ศรีวณิช  ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในรอบ 58 ปี ที่นายกรัฐมนตรีและทีมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เดินทางมาสมาคมธนาคารไทย ซึ่งมีเสาหลักที่ครอบคลุม ได้แก่ การเงินการธนาคาร, ตลาดทุน, พลังงาน, การค้าการขาย ครบทุกแกน ซึ่งข้อเสนอครอบคลุม  ทั้งเรื่องของครัวเรือน และความสามารถในการแข่งขัน

นอกจากนี้ยังมีการมุ่งเน้นเรื่องภาคประชาชนและการจ้างงาน รวมถึงประเด็นที่เกี่ยว กับสภาพคล่อง และ ภาระหนี้สินถือเป็นโจทย์เร่งด่วน ซึ่งท่านนายกมีเวลา 4 เดือน ดังนั้นจะมีการจัดลำดับความสำคัญใหม่ ตามช่วงเวลา ตามที่ท่านนายกต้องการดำเนินการแบบ Quick Big Win

@หุ้นธนาคารเริ่มน่าสนใจ

นายกิจพณ  ไพรไพศาลกิจ  บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการไปรับฟังมากกว่า ซึ่งยังไม่ได้มีประเด็นที่ชัดเจน ว่ารัฐบาลจะดำเนินมาตรการ หรือมีแนวทางอย่างไรกับภาคการเงิน ตามปกติแล้วธนาคารจะดูแลสภาพคล่องอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง ธนาคารจะมีความกังวลในการปล่อยกู้

โดยการปล่อยกู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีกลไกบางอย่างที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงของการปล่อยกู้ให้กับสถาบันการเงินได้ และในช่วงที่ผ่านมามีความเสี่ยงของระบบสูงขึ้นมาก ทำให้มีโอกาสที่สินเชื่อจะกลายเป็นหนี้เสียสูง  ดังนั้นรัฐบาล จะต้องมีมาตรการมาจูงใจหรือสนับสนุนบางอย่าง เช่น มาตรการกระตุ้นการบริโภค อาจทำได้ง่ายและเร็ว แต่ มาตรการที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพาณิชย์นั้นยากกว่า เพราะมีความเสี่ยงเรื่องหนี้เสีย ที่จะตามมาในอีก ประมาณ   6  เดือนถึง 1 ปี หากสถานการณ์หรือระดับดอกเบี้ยไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ดีมองว่าการลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะลดได้อีก 2 ครั้ง ตั้งแต่ช่วยที่เหลือของปีนี้จนถึงปีหน้า ทำให้ความเสี่ยงที่ ธนาคารไทยจะถูกกดดันจากการปรับลดดอกเบี้ยน้อยลง ในระยะสั้นหุ้นธนาคาร อาจมีการปรับตัว ลดลงใน 1-2 เดือนข้างหน้า  จากโมเมนตัมเศรษฐกิจที่ชะลอและโอกาสที่ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐฯ จะลดลง เพราะไทยมีโอกาสลดดอกเบี้ยน้อยกว่าการลดดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้กลุ่มธนาคารกลับมาน่าสนใจ อีกครั้ง ในระยะถัดไป แนะทยอยเข้าสะสม

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง