รีเซต

ไต้หวันขึ้นแท่นจุดหมายท่องเที่ยวอันดับ 1 หลังโควิดสงบ

ไต้หวันขึ้นแท่นจุดหมายท่องเที่ยวอันดับ 1 หลังโควิดสงบ
TNN ช่อง16
2 ธันวาคม 2563 ( 14:45 )
70
ไต้หวันขึ้นแท่นจุดหมายท่องเที่ยวอันดับ 1 หลังโควิดสงบ

วันนี้ ( 2 ธ.ค. 63 )MEET TAIWAN ซึ่งเป็นโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของไต้หวัน ได้เปิดเผยผลการสำรวจจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive Travel) ในเอเชียยุคหลังโควิด ซึ่งได้จากการสำรวจความเห็นของนักเดินทางเพื่อธุรกิจจากบริษัทต่างๆ ของเอเชีย เพื่อประเมินความสนใจในการเดินทางท่องเที่ยวในยามที่ทั่วโลกเผชิญวิกฤตโรคระบาด


ผลการตอบแบบสอบถามผู้ตอบ 3,939 รายชี้ว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลง พนักงานบริษัท 90% ใน 8 ประเทศเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ต่างต้องการให้บริษัทจัดทริปท่องเที่ยวสำหรับพนักงาน 


ซึ่งจากสถิติพบว่า ไต้หวันได้รับเลือกเป็นจุดหมายอันดับหนึ่งสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในบรรดาบริษัทและประเทศต่างๆ ในเอเชีย เนื่องจากมีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์และประสบความสำเร็จในการป้องกันโรคได้อย่างยอดเยี่ยม นักเดินทางท่องเที่ยวภาคธุรกิจถึง 99% แสดงความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและการป้องกันโรคของไต้หวัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไต้หวันหลังภาวะวิกฤตโรคระบาด


นอกจากนี้ ผลสำรวจแสดงให้เห็นด้วยว่ากว่า 80% ของนักเดินทางท่องเที่ยวภาคธุรกิจในเอเชียยังให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันโรคของท้องถิ่นเมื่อพวกเขาเข้าร่วมทริปท่องเที่ยวสำหรับพนักงานในอนาคต โดยที่ความปลอดภัยสาธารณะมีความสำคัญรองลงมา ซึ่งชี้ว่าวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ทำให้บริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านความปลอดภัยในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับพนักงานในครั้งต่อไป


ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายบริษัททั่วโลกยกเลิกแผนการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลสำหรับพนักงาน เนื่องจากโรคระบาดส่งผลให้หลายประเทศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดน ซึ่งคำตอบจากการสำรวจครั้งนี้จะช่วยให้ไต้หวัน รวมถึงหลายประเทศในการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตและการทำการตลาดการท่องเที่ยวหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาด


เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง