รีเซต

“น้ำท่วม” แรงขึ้นทุกปี หรือ “การย้ายถิ่นฐานถาวร” คือทางออกเดียว?

“น้ำท่วม” แรงขึ้นทุกปี หรือ “การย้ายถิ่นฐานถาวร” คือทางออกเดียว?
TNN ช่อง16
15 ธันวาคม 2568 ( 11:00 )
3

“น้ำท่วม” กลายเป็นภัยธรรมชาติที่คร่าชีวิตผู้คนนับพันคนทุกปี และการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้เหตุการณ์เหล่านี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ น้ำจำนวนมหาศาลพัดพาผู้คน บ้านเรือน และอาชีพไปตามกระแสน้ำ เมื่อฝนตกหนักทำให้แม่น้ำล้นตลิ่ง และคลื่นพายุสูงซัดทะลุกำแพงชายฝั่ง สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่เพียงคร่าชีวิตผู้คนโดยตรง แต่ยังสร้างผลกระทบทางอ้อมอย่างรุนแรง ทั้งความอดอยาก โรคระบาด และความเสียหายต่อพืชผล

ในปี 2024 มีผู้คนกว่า 19 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้าน ทั้งจากการอพยพป้องกันภัยล่วงหน้าและบ้านเรือนที่เสียหาย เทียบได้กับการบังคับให้ประชากรทั้งหมดของประเทศโซมาเลีย ฟลอริดา หรือเนเธอร์แลนด์ต้องออกจากบ้าน ความเสี่ยงของน้ำท่วมแตกต่างกันไปตามภูมิประเทศและความพร้อมของพื้นที่ ประชาชนในประเทศที่ระบบเตือนภัยยังไม่ครอบคลุม อาจถูกน้ำท่วมทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน ในขณะที่ผู้คนในบางพื้นที่ เช่น ฟลอริดา อาจได้รับการอพยพ แต่ยังคงเผชิญปัญหาในการฟื้นฟูบ้านเพราะไม่มีประกันภัย ส่วนประเทศที่มีโครงสร้างป้องกันน้ำท่วมดี เช่น เนเธอร์แลนด์ อาจได้รับผลกระทบน้อยแม้ฝนตกหนัก

นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าภาวะโลกร้อนมีส่วนทำให้น้ำท่วมรุนแรงขึ้น การเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลทำให้อากาศร้อนขึ้นและสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น ทำให้ฝนตกหนักมากขึ้น นอกจากนี้ ดินที่แห้งแข็งทำให้การซึมน้ำช้าลง น้ำจึงไหลลงพื้นที่ต่ำรวดเร็วขึ้นและทำให้เกิดน้ำท่วมได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นยังทำให้พายุพัดเข้าฝั่งง่าย และน้ำที่ขึ้นสูงก็จะส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้น โดยรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ระบุว่าภายในปี 2100 น้ำขึ้นสูงที่เคยเกิดเพียงครั้งเดียวในรอบ 100 ปีจะเกิดขึ้นทุกปีในหลายพื้นที่ชายฝั่งโลก

ผลกระทบจากน้ำท่วมไม่ได้จำกัดเฉพาะชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังทำลายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สะพาน ถนน และรถไฟ รวมถึงบ้านเรือน รถยนต์ สำนักงาน โรงเรียน และโรงพยาบาล น้ำท่วมฉับพลันในสโลวีเนียปี 2023 ทำความเสียหายกว่า 10,000 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 16% ของ GDP ของประเทศ ส่วนในสหรัฐอเมริกา ความเสียหายทางทรัพย์สินจากน้ำท่วมมีมูลค่าสูงถึงครึ่งล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

เพื่อรับมือกับน้ำท่วม หลายประเทศพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า และการสร้างเขื่อน กักเก็บน้ำ รวมถึงพื้นที่สีเขียวในเมืองสามารถช่วยลดความเสียหาย ชายฝั่งสามารถใช้แนวป้องกันน้ำทะเลเพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปรับตัวมีขีดจำกัด เมื่อโลกอุ่นขึ้น แนวทางที่เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นคือ “การย้ายถิ่นฐานถาวร” ซึ่งหมายถึงการย้ายผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมอย่างถาวร อาจต้องทิ้งบ้าน เมือง หรือแม้แต่ประเทศเล็กบางแห่งที่ถูกน้ำทะเลท่วม

การย้ายถิ่นฐานถาวรนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในทฤษฎี ตัวอย่างเช่น ชุมชนหลายแห่งในหมู่เกาะแปซิฟิก เช่น หมู่เกาะคิริบาสและหมู่เกาะมาร์แชล ถูกน้ำทะเลท่วมซ้ำซากจนต้องย้ายประชากรไปยังพื้นที่สูงและประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ เมืองชายฝั่งบางแห่งในบังกลาเทศและเวียดนาม ก็กำลังวางแผนย้ายชุมชนบางส่วนไปยังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสียหายครั้งใหญ่ในอนาคต การย้ายถิ่นฐานถาวรเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ต้องใช้ทั้งเงินทุน การวางแผนชุมชน และการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ

แม้ว่าการเตรียมความพร้อมและการปรับตัวจะช่วยลดความสูญเสียได้มาก แต่สถานการณ์น้ำท่วมทั่วโลกยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายพื้นที่อาจต้องพิจารณาแนวทางการย้ายถิ่นฐานถาวรเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง