ผู้ว่าฯ กทม.ย้ำ เปิดกรุงเทพฯ ต้องฉีดวัคซีนต้านโควิดเกิน 70%
ภาพจากทีมข่าว TNN ช่อง 16
วันนี้ (21 ก.ย.64) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ว่า กทม.จัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์โดยเป็นล็อตบริจาคให้กับเด็กพิเศษ รวมทั้ง เด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ในพื้นที่กทม. ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับทางโรงพยาบาล จำนวน 1,500 คน ซึ่งทางโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้รับจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข 2,000 โดส
ขณะนี้ ยังมีเด็กอายุ 12-18 กลุ่มเสี่ยง ที่ลงทะเบียนไว้แล้วยังตกค้าง มีประมาณ 3,000 คน จากทั้งหมด 5,000 คน คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้นำมาจัดฉีดให้กับเด็กกลุ่มนี้ได้เพิ่มเติม
โดยกทม.ต้องการให้ฉีดวัคซีนในเด็กให้ครบทุกคน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 ล้านคน แต่เนื่องจากการฉีดเป็นความสมัครใจของผู้ปกครองว่าจะให้บุตรหลานรับวัคซีนหรือไม่ จึงตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 7 แสนคนขึ้นไป จึงจะหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ถึงกำหนดการเปิดเรียน เพื่อเสนอให้ศบค.พิจารณา เบื้องต้นจะให้เปิดเรียนในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ขณะนี้ฉีดได้แล้วร้อยละ 95 ขณะที่ กลุ่มอายุ 18-59 ปี ได้รับวัคซีนแล้วร้อยละ 40 คาดว่า หากมีวัคซีนเพียงพอกลางเดือนตุลาคมนี้จะได้ร้อยละ 70 ของประชากร ซึ่งประสานพูดคุยกับกระทรวงสาธารณสุขในการเร่งการจัดสรรวัคซีนให้กับพื้นที่กทม.เพื่อนำมาฉีดวัคซีนให้ได้ตามกำหนดเป้าหมาย ก่อนที่จะเปิดเมืองในอนาคต
ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำถึงเงื่อนไขการเปิด "กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์" ด้วยว่า ยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ หากจะเปิดประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ หลังจากการฉีดวัคซีนอีก 7-14 วัน รวมถึง ประเมินอัตราการติดเชื้อในพื้นที่ อัตราการครองเตียง หากจำนวนยอดผู้ป่วยลดลงเมื่อใด ต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข หลายหน่วยงาน และศบค.ว่าสมควรจะเปิดเมืองได้แล้วหรือไม่ ย้ำไม่สามารถตัดสินใจได้เพียงฝ่ายเดียวต้องร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอในการพิจารณา.