รีเซต

"ญี่ปุ่น" ขาลง ? เสี่ยงตกอันดับผู้นำเศรษฐกิจโลก

"ญี่ปุ่น" ขาลง ? เสี่ยงตกอันดับผู้นำเศรษฐกิจโลก
TNN ช่อง16
24 เมษายน 2568 ( 08:00 )
8

จากตัวพ่อ อาจกลายเป็นตัวลูก อนาคตของประเทศ "ญี่ปุ่น" กำลังสั่นคลอน

ญี่ปุ่นเป็นถึงยักษ์ใหญ่ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เคยอยู่ถึงอันดับ 3 ของโลก 

เป็นรองเพียงแค่สหรัฐ กับจีน และล่าสุดตอนนี้หล่นมาอยู่อันดับที่ 4 ถูกเยอรมันแซงหน้าไปแล้ว

แต่ในอนาคตน่าห่วงกว่านี้ เพราะมีการคาดการณ์ว่าอาจจะหลุดไปไหนถึงอันดับที่ 11  

จากหลายปัจจัยรุมเร้า โดยเฉพาะการเกิดน้อย แรงงานหดตัว  

และยังมีปัญหาจากภาคธุรกิจที่ล่าสุดพากันล้มละลายกว่าหมื่นแห่งสูงสุดในรอบ 11 ปี

 


" ล้มละลาย = ความท้าทายของภาคธุรกิจญี่ปุ่น "

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทวิจัย โตเกียว โชโก รีเสิร์ช (Tokyo Shoko Research หรือ TSR) เปิดเผยว่า

จำนวนบริษัทที่ยื่นล้มละลายในญี่ปุ่นพุ่งสูงเกิน 10,000 แห่งเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี 

ในปีงบการเงิน 2024 ด้วยจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,144 บริษัท เพิ่มขึ้น 12.1 % จากปีก่อนหน้า 

สาเหตุจากบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานและราคาสินค้าพุ่งสูง

โดยมีบริษัทในเกือบทุกภาคอุตสาหกรรมยื่นล้มละลายมากกว่าปีก่อนหน้า ยกเว้นแค่ภาคการเงินและการขนส่ง

รายงานระบุว่าจำนวนบริษัทที่ยื่นล้มละลาย มีหนี้สินอย่างน้อย 10 ล้านเยน (ประมาณ 2 ล้าน 3 แสนบาท) 


ทั้งนี้เมื่อแบ่งตามอุตสาหกรรม พบว่า ภาคบริการเจ็บหนักสุด มีจำนวนบริษัทยื่นล้มละลายสูงสุดที่ 3,398 แห่ง 

เพิ่มขึ้น 12.2 % และสูงสุดในรอบ 36 ปี หรือนับตั้งแต่ปีงบการเงิน 2532

ตามมาด้วยภาคก่อสร้างซึ่งมีจำนวนบริษัทยื่นล้มละลายเพิ่มขึ้น 9.3 % แตะที่ 1,943 แห่ง


โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ล้มละลาย คือ กลุ่มบริษัทที่มีพนักงานน้อยกว่า 10 คน โดยคิดเป็น 89.4 % ของธุรกิจที่ล้มละลายทั้งหมด 

เนื่องจากต้องดิ้นรนหาเงินทุนมาดำเนินธุรกิจ หลังจากญี่ปุ่นได้สิ้นสุดมาตรการผ่อนผันภาษีพิเศษที่นำมาใช้เพื่อช่วยภาคธุรกิจ ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19  อีกทั้งธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนเพิ่มภาระต้นทุนการกู้ยืมให้กับธุรกิจขนาดเล็ก

ไม่เพียงเท่านั้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนที่อ่อนค่าลง และราคาพลังงานที่สูงขึ้น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการล้มละลายของธุรกิจเหล่านี้

"ญี่ปุ่น จ่อหลุดตำแหน่งมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก ร่วงไปอยู่อันดับที่ 11" 


มีการออกมาคาดการณ์ว่า หากญี่ปุ่นยังไม่อาจแก้ปัญหาเศรษฐกิจและประชากรที่ลดลงได้ 

ญี่ปุ่นอาจถูกลดอันดับจากประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก ร่วงไปอยู่เพียงแค่อันดับที่ 11

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจญี่ปุ่น (Japan Center for Economic Research: JCER) 

เปิดเผยรายงานคาดการณ์ระยะยาวว่า หรือในอนาคตภายใน 50 ปีข้างหน้านี้ 

อันดับ GDP ต่อหัวของญี่ปุ่นจะลดลงจากอันดับที่ 29 ในปี 2023 สู่ อันดับที่ 45 ในปี 2075


ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงและปัญหาประชากรลดลง 

พร้อมเรียกร้องให้เร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI และปฏิรูปตลาดแรงงานเพื่อกระตุ้นการเติบโต


ในรายงานฉบับนี้ ซึ่งจัดทำทุก 5 ปี JCER คาดว่า GDP ที่แท้จริงของญี่ปุ่นในปี 2075 

จะอยู่ที่ 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 

แต่ลดอันดับจากประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก เหลืออันดับที่ 11


แม้เศรษฐกิจโลกจะยังเติบโตเฉลี่ย 3.3% ในช่วงปี 2021–2030 ด้วยแรงหนุนจากเทคโนโลยี เช่น Generative AI แต่ JCER คาดว่า 

เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 0.3% ต่อปี ในช่วงปี 2071–2075 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก

"ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโต ได้แก่ อัตราการเกิดที่ลดลงและกำลังแรงงานหดตัว"

 

แม้ญี่ปุ่นจะรับผู้อพยพสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก จำนวนสุทธิราว 230,000–240,000 คนต่อปี 

แต่ประชากรทั้งหมดจะลดเหลือประมาณ 97 ล้านคนในปี 2075 

โดยในนั้นเป็นชาวต่างชาติราว 16 ล้านคน


GDP ต่อหัวของญี่ปุ่นในปี 2075 คาดว่าจะอยู่ที่ ประมาณ 45,800 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 60% จากปี 2024 แต่ยังคงต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 


ทั้งนี้คาดการณ์ว่า AI จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในอนาคต โดยเฉพาะในสหรัฐและจีน ซึ่งมีฐานอุตสาหกรรมข้อมูล การเงิน และประกันภัยที่แข็งแกร่ง  ขณะที่ญี่ปุ่นมีข้อจำกัดด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้ได้รับประโยชน์จาก AI น้อยกว่า 


JCER เสนอแนะว่าญี่ปุ่นควรเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 

เช่น ยกเลิกการเกษียณอายุแบบบังคับ ลดช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างพนักงานประจำกับชั่วคราว 

เพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา เพื่อกระตุ้นผลิตภาพ (productivity) และการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงาน


ขณะที่ในระดับโลก JCER คาดว่า สหรัฐและจีนจะยังเป็นสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 

อินเดีย จะขึ้นมาเป็นอันดับ 3 อินโดนีเซีย ขึ้นมาอันดับ 5 

ถ้าหากสหรัฐภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงจำกัดการอพยพเข้าเมือง 

และเนรเทศแรงงานผิดกฎหมายปีละ 1 ล้านคนต่อเนื่อง 12 ปี 

ก็อาจเปิดทางให้จีนแซงสหรัฐขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในปี 2049


JCER ยังตั้งข้อสังเกตถึงการเติบโตของกลุ่มประเทศเกิดใหม่

 เช่น BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และอีกหลายประเทศสมาชิกใหม่)

 ว่าในปี 2075 BRICS จะมี GDP รวมสูงกว่าสหรัฐฯ ถึง 40% 

นอกจากนี้ยังเสนอแนวคิดว่า หาก สหภาพยุโรป (EU) รวมตัวกับ 12 ประเทศสมาชิก CPTPP

 (เช่น ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย) 

จะกลายเป็นเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่อาจเทียบเคียงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของ BRICS ได้


ทั้งนี้รายงานของ Goldman Sachs เมื่อปี 2022 คาดการณ์ว่าในอีก 50 ข้างหน้า หรือ ในปี 2075 

เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกของโลกจะได้แก่ จีน อินเดีย สหรัฐ อินโดนีเซีย และไนจีเรีย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง