นวัตกรรมเมืองลอยน้ำ แนวคิดที่อยู่อาศัยยุคใหม่เพื่อความยั่งยืน | TNN Tech Reports
ภาวะโลกร้อน ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย จนส่งผลต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทุกปี ซึ่งปัญหานี้นับว่าได้สร้างความกังวลใจให้กับหลายเมืองที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล หรืออยู่ติดกับพื้นที่ชายฝั่ง
โดยหนึ่งแนวทางแก้ปัญหาเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วมเมืองในอนาคตก็คือ การสร้างที่อยู่อาศัยหรือนวัตกรรมเมืองลอยน้ำ ซึ่งแต่ละเมืองมีความหลากหลาย แตกต่างกันไป ทั้งการออกแบบ ระบบสาธารณูปโภค และระบบนิเวศและสำหรับใครที่นึกภาพไม่ออก บทความนี้ได้รวบรวมตัวอย่างมาให้ได้ชมกันแล้ว
โดเกน
เริ่มกันที่ประเทศแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่น ซึ่งต้องเจอกับปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อย ๆ บริษัทสถาปนิก เอ็นอาร์ก (N-ARK) จึงได้นำเสนอวิธีการสร้างเมืองลอยน้ำยุคใหม่ ที่ชื่อว่า โดเกน เมืองที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างสมบูรณ์เมื่อเกิดภัยพิบัติ
- ตัวเมืองนี้มีลักษณะเป็นวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.56 กิโลเมตร มีเส้นรอบวงเมืองอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลเมตร
- มีส่วนประกอบ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนวงแหวนซึ่งเกิดจากท่อทรงกระบอกต่อกันเป็นวงกลม
- ท่อแต่ละอันจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด 50 เมตร ยาว 150 เมตร
- ภายในเมืองเป็นสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำต่าง ๆ รวม 14 ประเภท
- รองรับประชากรได้ 10,000 คน
- ด้านบนของวงแหวน เป็นทางเดินและสวนสาธารณะ
- ถัดลงมาจะแบ่งเป็นโครงข่ายไฟฟ้าและประปา
- อีกส่วนจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัย
- ด้านนอกของวงแหวนจะเป็นกำแพงครึ่งวงกลมที่เว้าเข้าไปสูง 8 เมตร สำหรับกันคลื่นสึนามิ
- ใต้วงแหวนจะเป็น Data Center ทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลด้านการแพทย์
- ภายในเมือง จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงเรียน, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล
สำหรับแผนบริหารเมืองนี้ บริษัทต้องการพัฒนาให้เป็นเมืองที่สามารถอยู่รอดได้เมื่อเกิดภัยพิบัติในทุกรูปแบบ ทั้งการผลิตอาหาร น้ำ และไฟฟ้าด้วยตัวเองอย่างครบวงจร รวมถึงเป็นศูนย์กลางการแพทย์แห่งอนาคต โฃดยตอนนี้เมืองนี้ยังเป็นเพียงไอเดียเท่านั้น กำลังอยู่ในช่วงหาทุนเพื่อพัฒนาเมืองนี้ให้เกิดขึ้นจริง
ซีพ็อดส์ (Seapods)
ผลงานการออกแบบจาก บริษัท โอเชียน บิลด์เดอร์ (Ocean Builders) สตาร์ตอัปในประเทศปานามา ตั้งเป้าเป็นการสร้างที่พักอาศัยกลางทะเล ซึ่งอาจจะเป็นรากฐานของการสร้างบ้านในอนาคต
- ซีพ็อดส์เป็นห้องทรงกลม ติดกระจกรอบด้าน
- ให้พื้นที่อยู่อาศัยราว 73 ตารางเมตร
- รองรับผู้อยู่อาศัย 2 คน
- อยู่ในลักษณะลอยเหนือผิวน้ำ 3 เมตร
- ตั้งอยู่บนเสาเหล็กรับน้ำหนักซึ่งจะปักฐานอยู่ในทะเล
- ภายในเสาซ่อนบันไดวน สำหรับเดินขึ้น-ลง ไปสู่ตัวพ็อดส์
- ชั้นล่างเชื่อมต่อกับส่วนจอดเรือ ส่วนที่นั่งพักผ่อน หรือส่วนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ สำหรับจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้
- ฐานด้านล่างสุด จะยึดไว้กับบล็อกคอนกรีตขนาดใหญ่ที่พื้นทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้โครงสร้างเคลื่อนที่
- ออกแบบโครงสร้างใต้น้ำให้มีส่วนที่ทำหน้าที่เป็นปะการังเทียม เพื่อช่วยรักษาระบบนิเวศใต้ทะเลอีกด้วย
- ภายในเน้นตกแต่งแบบทันสมัย เรียบง่าย มีการติดตั้งระบบ สมาร์ทพ็อด (Smartpods) หรือซอฟต์แวร์พิเศษ ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถควบคุมทุกอย่างในห้อง ได้ตั้งแต่แสงสว่าง อุณหภูมิ ไปจนถึงระบบการจัดการน้ำ
- ระบบจัดการของเสียหรือสิ่งปฏิกูล ใช้เป็นระบบเตาเผา เผาขยะและสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ให้เหลือเพียงเถ้าถ่าน ความร้อนที่ได้จากเตาเผาจะเอาไปใช้หมุนเวียนกับระบบทำน้ำร้อนในบ้าน ของเสียที่เป็นของเหลวก็จะใช้ระบบรีไซเคิลและการบำบัดน้ำเสียให้กลับมาเป็นน้ำใช้ใหม่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับราคาค่าใช้จ่ายของ ซีพ็อดส์ แต่ละหลังอยู่ที่ประมาณ 295,000 - 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 10 - 50 ล้านบาท
ดูไบ รีฟ (Dubai Reef)
ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ กำลังผุดโครงการก่อสร้างสุดล้ำหลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ ดูไบ รีฟ (Dubai Reef)
- ดูไบ รีฟ ถูกออกแบบให้เป็นเกาะลอยน้ำหลาย ๆ เกาะกระจุกตัวกัน มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่
- การออกแบบอาคารบ้านเรือนเรียบง่ายแต่ทันสมัย อยู่รวมกันเป็นชุมชนลอยน้ำขนาดใหญ่ที่เน้นความยั่งยืน
- ภายในเกาะ มีทั้งอาคารที่อยู่อาศัย, สถานพยาบาล, ร้านค้า, สถานศึกษา สถานที่สำหรับการทำวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์ทางทะเล
- การออกแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- ใต้น้ำติดตั้งแนวปะการังเทียม ครอบคลุมพื้นที่ถึง 200 ตารางกิโลเมตร เป็นที่อยู่ของต้นปะการังกว่า 1 พันล้านต้น พร้อมกับต้นโกงกางอีก 100 ล้านต้น ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์น้ำใต้ทะเล เติมเต็มความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ใต้น้ำมากขึ้น
- เมืองนี้ใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานธรรมชาติทั้งหมด เช่น โซลาร์เซลล์ลอยน้ำ ที่ด้านใต้ได้ติดตั้งกังหันลมไว้เพื่อรับพลังงานจากคลื่นใต้ทะเลได้ด้วย
ดูไบ รีฟยังเป็นแค่แนวคิดเท่านั้น ยังไม่มีการกำหนดวันเริ่มก่อสร้างแต่อย่างใด