รีเซต

กินพืช เคลื่อนไหว เข้าสังคม อารมณ์ดี สู่การมีอายุยืน 100 ปี

กินพืช เคลื่อนไหว  เข้าสังคม อารมณ์ดี สู่การมีอายุยืน 100 ปี
TNN ช่อง16
8 ตุลาคม 2568 ( 09:30 )
9

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ การกินพืช เคลื่อนไหว เข้าสังคม อารมณ์ดี...สู่การมีอายุยืน 100 ปี

 

สุขภาพที่ดีไม่ได้เกิดจากการอยู่นิ่ง แต่เกิดจากการเคลื่อนไหว การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในสังคมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 100 ปี ซึ่งมีมากกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ จากการศึกษาของนักวิจัยที่สัมภาษณ์ผู้สูงอายุเหล่านี้ พบว่าพวกเขามีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่คล้ายคลึงกัน ทั้งด้านการกิน การใช้ชีวิต และการมองโลกในแง่ดี

สิ่งแรกที่โดดเด่นคือ การรับประทานอาหารแบบสมดุล ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการกินอาหารจากพืชเป็นหลัก เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ มิโซะ สาหร่ายทะเล ผักใบเขียว ผลไม้ตามฤดูกาล และข้าวไม่ขัดสี อาหารเหล่านี้มีไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลในปริมาณต่ำ แต่กลับอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ชาวญี่ปุ่นมักหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างไส้กรอก แฮม หรือกุนเชียง เนื่องจากมีสารไนโตรซามีนที่เป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ การดื่มชาเขียวมัทฉะยังเป็นอีกหนึ่งนิสัยประจำวัน เพราะเชื่อว่าช่วยรักษาเยื่อหุ้มเซลล์ ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และช่วยให้จิตใจสงบ


อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ การเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ คนญี่ปุ่นมีแนวคิดว่าความแข็งแรงมาจาก “การไม่อยู่นิ่ง” พวกเขานิยมเดินเท้าแทนการใช้รถ ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวัน การเดินและการเคลื่อนไหวจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ในวัยสูงอายุ หลายคนยังคงทำงานหรือทำกิจกรรมในชุมชน ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ระบบลำไส้ทำงานดี และจิตใจแจ่มใส รัฐบาลญี่ปุ่นเองยังสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ โดยกำหนดให้บริษัทเอกชนที่มีพนักงานตั้งแต่ 31 คนขึ้นไป ต้องมีการจ้างผู้สูงอายุอย่างน้อยหนึ่งคน และเตรียมขยายอายุเกษียณในภาครัฐจาก 60 ปี เป็น 65 ปีภายในปี 2574

 

นอกจากการกินและการเคลื่อนไหวแล้ว สิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจให้แข็งแรงคือ แนวคิด “อิคิไก” (Ikigai) หรือการมีเป้าหมายและเหตุผลในการใช้ชีวิต อิคิไกทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่าและมีสิ่งที่อยากทำในแต่ละวัน การมีเป้าหมายเล็ก ๆ เช่น การดูแลสวน การช่วยเหลือเพื่อนบ้าน หรือการทำอาหารให้ครอบครัว ล้วนสร้างความสุขและลดภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ การเข้าสังคมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ชาวญี่ปุ่นมักรวมกลุ่มกันในรูปแบบ “โมอิ” (Moai) ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนหรือชุมชนที่คอยช่วยเหลือกันทั้งด้านอารมณ์และการเงิน การเข้าสังคมบ่อยครั้งช่วยให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกโดดเดี่ยว มีคนให้พูดคุย และมีความสุขกับชีวิตประจำวัน

การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ รัฐบาลญี่ปุ่นส่งเสริมให้ประชาชนตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อค้นหาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและป้องกันก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่นยังนิยมดูแลร่างกายด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างการแช่น้ำอุ่นก่อนนอน ซึ่งช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น


เมื่อมองภาพรวมของวิถีชีวิตเหล่านี้ จะเห็นว่าความยืนยาวของชีวิตไม่ได้มาจากการรักษาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก สมดุลของกาย ใจ และสังคม ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าชีวิตที่มีความสุขคือชีวิตที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น กินอาหารที่ดี เคลื่อนไหวอยู่เสมอ และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนที่รัก

ดังนั้น “อายุ 100 ปี” จึงไม่ใช่ความฝันที่ไกลเกินเอื้อม หากเราเริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน  กินพืชมากขึ้น เคลื่อนไหวให้บ่อย เข้าสังคมอย่างมีความสุข และรักษาอารมณ์ให้ดี เพราะสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว เริ่มต้นได้จาก “การไม่อยู่นิ่ง” ในวันนี้นั่นเอง


การมีอายุยืนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและยั่งยืน ทั้งการกินอาหารจากธรรมชาติ การเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ การมีเป้าหมายในชีวิต และการอยู่ท่ามกลางสังคมที่เกื้อกูลกัน ชาวญี่ปุ่นพิสูจน์ให้เห็นว่าความยั่งยืนเริ่มต้นได้จากพฤติกรรมเล็ก ๆ ในแต่ละวัน เมื่อเราดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์รอบตัวอย่างสมดุล ก็เท่ากับเรากำลังสร้าง “ความยั่งยืนของชีวิต” ที่แท้จริง สุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง และอายุยืนอย่างมีคุณค่า

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง