เศรษฐกิจยั่งยืนไม่ใช่แฟชั่น ทำไมอนุทินถึงบอกว่านี่คือ “ทางรอด” ?

นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ปาฐกถาในงาน SX 2025 ชูความยั่งยืนเป็นเสาหลักใหม่เศรษฐกิจไทย วางรากฐานอุตสาหกรรม–การค้า–การลงทุน สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ดันไทยเป็นจุดลงทุนหลักในอาเซียน
วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ในงาน Sustainability Expo 2025 (SX 2025) เวทีสัมมนา “A Call for Adaptation: The Sustainability in Trade & Industry” จัดโดยเครือกรุงเทพธุรกิจและเนชั่นทีวี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยกระดับอุตสาหกรรม–การค้า–การลงทุนสู่ความยั่งยืน”
นายอนุทินระบุว่า โลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากภัยสงคราม มาตรการกีดกันทางการค้า การแข่งขันด้านเทคโนโลยี และแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยไม่สามารถอยู่นิ่งได้อีกต่อไป หากไม่เร่งวางรากฐานใหม่ก็จะเสียเปรียบในการแข่งขันระดับโลก
“ความยั่งยืนไม่ใช่แฟชั่น แต่คือทางรอดของประเทศ” นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ พร้อมเสริมว่า แม้รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเริ่มงานเพียง 4 เดือน แต่ต้องเดินเกม “Quick Win” ให้ประชาชนเห็นผลลัพธ์ ขณะเดียวกันก็ต้องวางนโยบายระยะยาวที่สืบต่อได้ ไม่ถูกยกเลิกเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน
นายกรัฐมนตรี อนุทิน ยังสรุปแนวทางการพัฒนาของไทยไว้ 3 มิติสำคัญ
เศรษฐกิจมั่นคง – ไทยต้องรับมือกับสงครามการค้าและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี โดยผู้ประกอบการควรเร่งใช้พลังงานสะอาด ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ เพื่อแข่งขันกับโลกที่ใช้ “กติกาเขียว”
สิ่งแวดล้อมยั่งยืน – รัฐบาลเตรียมผลักดันโครงการ “โซลาร์ชุมชน” ให้หมู่บ้านผลิตไฟฟ้าใช้เองและขายส่วนเกินกลับเข้าระบบ สร้างรายได้เสริมแก่ชุมชนและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
สังคมคุณภาพชีวิตดี – การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และระบบเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงโอกาส สร้างงานและรายได้อย่างทั่วถึง
ในด้านการค้าและการลงทุน นายอนุทินชี้ว่า ไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน แต่ที่ผ่านมาเรามักถูกใช้เป็น “เส้นทางผ่าน” ของนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลจึงต้องสร้างแรงจูงใจใหม่ให้ต่างชาติมาลงทุนจริงในประเทศ ไม่ใช่เพียงขนสินค้าผ่านไปมา
“ถ้าไทยยังเป็นเพียงประเทศทางผ่าน เราจะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าเราทำให้เขาหยุด แวะผลิต และสร้างงานในไทย เราจะได้ประโยชน์มหาศาล” นายอนุทินกล่าว พร้อมชี้ถึงจุดแข็งด้านวัฒนธรรม ความหลากหลายทางศาสนา และเสถียรภาพการเมือง ที่ถือเป็นทุนทางสังคมซึ่งหาได้ยากในภูมิภาค
นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า ภาครัฐจำเป็นต้องสนับสนุนภาคธุรกิจทุกระดับ ทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุน สิทธิประโยชน์ และระบบโลจิสติกส์ แต่ต้องรักษาสนามแข่งขันให้เป็นธรรม ไม่เปิดทางให้ทุนใหญ่ผูกขาด “รัฐบาลต้องแข็งแรงพอจะช่วยเหลือกลุ่มทุน แต่ไม่ปล่อยให้ทุนกำหนดทิศทางประเทศ หากทุกฝ่ายแข่งขันได้เต็มที่ ไทยจะก้าวขึ้นเป็นประเทศศักยภาพสูงสุดในอาเซียน”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
