บริษัท Meta ได้รับชัยชนะครั้งสำคัญ หลังศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่าบริษัทไม่ผูกขาดในตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์ก

วันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท เมตา (Meta) ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook และ Instagram ได้รับชัยชนะทางกฎหมายครั้งสำคัญ หลังจากที่ศาลแขวงสหรัฐอเมริกาประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้มีคำตัดสินให้ยกฟ้องคดีต่อต้านการผูกขาดที่ดำเนินการฟ้องร้องโดยคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) คำตัดสินดังกล่าวระบุอย่างชัดเจนว่า Meta ไม่ได้มีอำนาจผูกขาดในตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์ก ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีปัจจุบัน
คำตัดสินนี้ออกโดยผู้พิพากษาเจมส์ โบอาสเบิร์ก (James Boasberg) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากการพิจารณาคดีที่กินเวลานานถึงเจ็ดเดือน ผู้พิพากษาได้ออกความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร โดยสรุปว่า FTC ล้มเหลวในการพิสูจน์ข้อกล่าวหาของตน คดีนี้เป็นผลมาจากการยื่นฟ้องครั้งแรกเมื่อห้าปีที่แล้ว โดย FTC มุ่งเป้าไปที่การเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ของ Meta คือ Instagram ในปี 2012 ด้วยมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ และ WhatsApp ในปี 2014 ด้วยมูลค่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย FTC เรียกร้องให้ศาลสั่งให้ Meta ขายหน่วยธุรกิจทั้งสองนี้ออกไป
การแข่งขันจาก TikTok และ YouTube คือตัวแปรสำคัญ
ผู้พิพากษาเจมส์ โบอาสเบิร์ก (James Boasberg) ตัดสินให้บริษัท Meta ชนะคดีด้วยการเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดโซเชียลมีเดีย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของบริษัท Meta ที่ว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างมากนับตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของ Facebook และปัจจุบันบริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคู่แข่งสำคัญอย่าง TikTok และ YouTube
ผู้พิพากษาชี้ว่า ผู้คนมองว่า TikTok และ YouTube เป็นทางเลือกทดแทนสำหรับ Facebook และ Instagram และปริมาณของการทับซ้อนในการแข่งขันนี้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก และผู้พิพากษาระบุเพิ่มเติมว่าส่วนที่ผู้ใช้งานใช้มากที่สุดของแอปพลิเคชัน Meta นั้นแทบจะแยกไม่ออกจาก TikTok และ YouTube
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ได้ออกจากบริการของบริษัท Meta ไปยังบริการอื่น ๆ เหล่านี้ ซึ่งส่งผลให้บริษัท Meta ถูกบีบให้ลงทุนเงินจำนวนมากเพื่อรักษาผู้ใช้งานไว้ ผู้พิพากษายังอ้างถึงเอกสารและคำให้การจากคนวงในอุตสาหกรรมที่ยืนยันว่า บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เองก็มองว่า Meta เป็นคู่แข่งที่ร้ายแรง
ปฏิกิริยาหลังคำตัดสินและการเคลื่อนไหวในตลาด
หลังคำตัดสิน โจ ซิมอนสัน (Joe Simonson) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ได้แสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง พร้อมกล่าวว่า "ผู้พิพากษาเจมส์ โบอาสเบิร์ก (James Boasberg) กำลังเผชิญกับการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทำให้ไพ่ถูกจัดเรียงไว้ไม่เป็นธรรมสำหรับเราเสมอ" และยืนยันว่าทางคณะกรรมาธิการกำลังพิจารณาทางเลือกอื่นทั้งหมดที่มีอยู่เพิ่มเติม
ในขณะเดียวกัน เจนนิเฟอร์ นิวสเตด (Jennifer Newstead) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Meta ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า "คำตัดสินของศาลในวันนี้ตระหนักดีว่า Meta เผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด" และเน้นย้ำว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นประโยชน์ต่อผู้คนและธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา
ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ ได้มีการเรียกพยานสำคัญเข้าให้การหลายคน รวมถึงมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของบริษัท Meta, เชอริล แซนด์เบิร์ก (Sheryl Sandberg) อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ, และเควิน ซิสตรอม (Kevin Systrom) ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram
คดีนี้เคยถูกผู้พิพากษาเจมส์ โบอาสเบิร์ก (James Boasberg) ยกฟ้องไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 2021 เนื่องจากเห็นว่าคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) มีหลักฐานไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกันคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ได้ยื่นคำร้องที่แก้ไขเพิ่มเติมพร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้และตัวชี้วัดของบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอดีต เช่น Snapchat, Google+ และ Myspace ซึ่งทำให้ผู้พิพากษาอนุญาตให้คดีดำเนินต่อไปได้ในปี 2022
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
