RPHเล็งขยายฐานจีน-ลาว เพิ่มพอร์ตรายได้ต่างชาติ
#RPH #ทันหุ้น-RPH มองไตรมาส 1/2566 โดดเด่น คนไข้ทั้ง OPD-IPD เรียงคิวรักษาสุขภาพแน่น วางเป้ารายได้ปี 2566โต 15-20% เร่งปูพรมขยายฐานคนไข้ต่างประเทศ เช่น ลาวและจีน อัดงบ 700 ล้านบาท สร้างรพ.แห่งใหม่ และปรับปรุงอาคาร รพ.เดิม เสริมแกร่งอนาคต
นพ.ธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPH เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมแนวโน้มธุรกิจ Health care ในช่วงไตรมาส 1/2566 มองว่าจะมีการขยายตัวที่ค่อนข้างดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แม้ว่าคนไข้โควิด-19 จะลดลงตามสถานการณ์ที่คลายตัว แต่ด้วยความต้องการดูแลรักษาสุขภาพของคนไข้ทั่วไปและคนไข้โรคเฉพาะทางที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2566ดีขึ้นต่อเนื่อง
*รายได้โต 20%
โดยเฉพาะกลุ่มคนไข้ประกันชีวิตที่ขยายตัวมากขึ้น ตามการขยายตลาดและมีการร่วมมือกับกลุ่มประกันที่เพิ่มขึ้นของโรงพยาบาล ซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (นับตั้งแต่ปี 2559-2564) เพิ่มขึ้นประมาณ 19.3% ต่อปี โดยคาดการณ์ว่าจากการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรประกันชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าในปี 2566 จะมีการเติบโตได้ใกล้เคียงกับอดีต
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566ที่ผ่านมาอัตราการครองเตียง (Occupancy rate) กลับมาอยู่ในระดับที่สูงทั้งจากผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจไปในส่วนของสุขภาพ (Wellness) เพิ่มขึ้น ทำให้มีคนไข้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่าย และต้นทุน เพื่อความสามารถทำกำไรที่ดีได้ด้วย
รวมถึงบริษัทยังคงเดินหน้าในการขยายฐานคนไข้ชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากประเทศใกล้เคียง คือ สปป.ลาว และประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่ประมาณ 5% ของรายได้รวม จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นทำให้มองว่าจะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 1,340.26ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 286.47 ล้านบาท
**อัดงบ 700 ล.
สำหรับความคืบหน้าในการเข้าไปเจาะตลาดในประเทศจีนทางตอนใต้นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเอเจนซี่ท้องถิ่นที่มีศักยภาพแล้ว และอยู่ในขั้นตอนขอใบอนุญาตมาตรฐานสถานพยาบาลของทางประเทศจีน เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหลังเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป คาดว่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากคนไข้ต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้
โดยแผนการลงทุนนั้น บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ที่ประมาณ 700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นเงินลงทุนในการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ขนาด 100 ยูนิต เพื่อรองรับผู้ป่วยเฉพาะส่วนของประกันสังคมและผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันชีวิต ที่มีวงเงินไม่สูงนักให้ได้เพิ่มมากขึ้น เพราะมองว่าด้วยความต้องการตรวจและรักษาสุขภาพทำให้อาคารเดิมที่มีไม่เพียงพอต่อการให้บริการแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปีนี้และแล้วเสร็จพร้อมในบริการปลายปี 2567 เป็นต้นไป
ส่วน 200ล้านบาทที่เหลือ บริษัทจะใช้เพื่อรองรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงพยายามอาคารเดิม เพื่อใช้เป็นศูนย์ให้บริการทางการแพทย์ประเภทความงาม รวมถึงศูนย์สุขภาพ (wellness center) เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 2566 และจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการไม่เกินช่วงปลายปี2566 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี เงินลงทุนที่จะถูกใช้ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 180-200 ล้านบาท