ICHI แนวโน้มชาเขียวดีต่อ โบรกฯ เล็งอัพกำไร-เป้าหมาย
#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า ส่อง บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อ โดยในเดือนม.ค. ยังมีการเติบโตระดับราว 20% YoY และคาดจะเริ่มปรับสู่ระดับปกติในเดือนก.พ. เป็นต้นไปจากฐานในปี 2565 ที่เริ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทมองแนวโน้มการเติบโตของตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 10% YoY จากอัตราการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว
แนวโน้มรายได้ใน Q1/66 คาดเติบโตต่อทั้ง QoQ และ YoY จากตลาดชาเขียวที่ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หนุนอัตราการใช้กำลังการผลิต (U-rate) และรับรู้รายได้จากสินค้าใหม่ Tansansu ได้เต็มไตรมาสซึ่งได้รับผลตอบรับดีหลังเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ Mark Tuan อดีตสมาชิกวง GOT7 ในวันที่ 1 มี.ค. ขณะที่ด้านต้นทุนมีแนวโน้มดีขึ้นจากราคาต้นทุนขวด PET ที่ลดลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดจะยังรักษาระดับใกล้เคียงกับใน Q4/65 ที่ 22% ได้ เบื้องต้นคาดกำไรปกติใน Q1/66 เบื้องต้นในกรอบ 200 – 230 ลบ. จากปกติที่ระดับ 120-160 ลบ.
บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ทั้งปี 2566 ที่ 7,300 (+15.1%) โดยแบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มชาเขียว 5,630 ลบ. (+6.3% YoY), กลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ชาเขียว (น้ำวิตามิน, น้ำ pH 8.5, ไบเล่) 470 ลบ. (+16.9% YoY), Tansansu 500 ลบ., รายได้ส่งออก 650 ลบ. (+6.0% YoY) และรายได้จากธุรกิจ OEM 100 ลบ. (+240.1% YoY) ด้วย U-rate ที่ระดับ 70% สูงขึ้นจากปี 2565 ที่เฉลี่ยที่ 60% ซึ่งสูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ 6,720 ลบ. ทำให้ประมาณการของฝ่ายวิจัยมี Upside
สินค้าใหม่แบรนด์ Tansansu ปัจจุบันเริ่มขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปยังร้าน Lotus, BigC และ Makro แล้ว จากเดิมที่จำหน่ายแค่ใน 7-Eleven และบริษัทเตรียมออกรสชาติใหม่รสไอศกรีมเมล่อนในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์หนุนยอดขาย
บริษัทปรับแผนของธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) จากเดิมที่มีลูกค้าที่จ้างผลิตสินค้าใหม่เป็นหลักเปลี่ยนเป็นเน้นกลุ่มสินค้าที่ติดตลาดหรือมีฐานรายได้อยู่แล้วมากขึ้น ช่วยหนุนเสถียรภาพของรายได้ธุรกิจ OEM และอัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัท โดยมีลูกค้าใหม่ได้แก่ เครื่องดื่ม IF และ Coco Season เครื่องดื่มน้ำมะพร้าวส่งออกตลาดจีน
บริษัทตั้งงบค่าใช้จ่ายในการขายทั้งปี 2566 ที่ 5.0% ของรายได้รวม รวมค่าพรีเซนเตอร์ใหม่ของแบรนด์ Tansansu แล้ว ซึ่งใกล้เคียงกับระดับเดิมของปี 2565 ที่ 4.6% จึงมองว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพง และไม่ได้สูงอย่างที่ตลาดกังวล
ธุรกิจ JV ในอินโดนีเซียยังอยู่ในแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่องจากการขยายช่องทางจัดจำหน่ายต่อเนื่อง และจะรับรู้รายได้ในฟิลิปปินส์ได้เต็มปี บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งกำไรจาก JV ในอินโดนิเซียที่ 90 ลบ. (+9.4% YoY) ใกล้เคียงกับประมาณการของฝ่ายวิจัย
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 740 ลบ. (+15.3% YoY) อย่างไรก็ตามเริ่มเห็น Upside จากแนวโน้มตลาดชาเขียวที่ดีกว่าคาด และรายได้สินค้าใหม่ Tansansu ทำให้ฝ่ายวิจัยมีโอกาสในการปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายขึ้น คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 14.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”
เชิงกลยุทธ์ ราคาปัจจุบันปรับขึ้นมาสะท้อนผลประกอบการ Q4/65 ที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องใน Q1/66 ไปบางส่วน แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้นยังไปต่อได้จากปัจจุบันที่ซื้อขายบน PER66 ที่ 22.3 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 24 – 25 เท่า บนประมาณการที่มีโอกาสปรับขึ้นได้อีก แนะนำ ถือ Let Profit Run หรือเข้าสะสมในช่วงที่ราคาอ่อนตัว