5 รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดในปี 2025

แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันได้รับความนิยมมาก และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มาก แต่สำหรับบางคนอาจจะยังไม่พร้อมด้วยเหตุผลบางประการ ดังนั้นรถน้ำมันเครื่องยนต์สันดาปยังคงมีความต้องการอยู่ในปัจจุบัน โดยรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดในปี 2025 ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ไฮบริด (Hybrid) และรถยนต์ในกลุ่ม Eco Car ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีตัวเลขประหยัดน้ำมันที่โดดเด่นและเป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวน ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ และนี่คือ 5 รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในปี 2025 โดยอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดในตลาดประเทศไทย พร้อมจุดเด่น และราคาเริ่มต้น ดังนี้เลย
1. Honda City e:HEV
Honda City e:HEV มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตและหรูหราตามสไตล์ของ Honda City โดยในรุ่น e:HEV จะมีการตกแต่งที่โดดเด่นและทันสมัย โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่เรียกว่า i-MMD (Intelligent Multi-Mode Drive) ซึ่งให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิด 253 นิวตันเมตร ทำให้มีอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม และให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า
ด้านความประหยัดน้ำมัน รถยนต์คันนี้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่น่าประทับใจอยู่ที่ 27.8 กม./ลิตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดในตลาด
ราคาเริ่มต้นในปัจจุบัน (โดยประมาณ): 729,000 บาท
2. Toyota Yaris Cross HEV
Toyota Yaris Cross HEV เป็นรถยนต์ SUV ขนาดเล็กที่มาพร้อมดีไซน์แบบ Urban SUV ที่ทันสมัยและมีความเป็นสปอร์ต เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความคล่องตัวแต่ยังคงมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอ ด้านระบบขับเคลื่อนใช้ระบบไฮบริดที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 111 แรงม้า มอบสมรรถนะที่ตอบสนองได้ดีทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง
ความประหยัด มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 26.3 กม./ลิตร ทำให้เป็นรถ SUV ที่ประหยัดน้ำมันสูง และมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense
ราคาเริ่มต้นในปัจจุบัน (โดยประมาณ): 789,000 บาท
3. Toyota Corolla Cross Hybrid
Toyota Corolla Cross Hybrid เป็นรถยนต์ Crossover ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยดีไซน์ที่ดูเรียบหรูและแข็งแกร่ง ให้ความรู้สึกพรีเมียมและเป็นสากล มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 122 แรงม้า มีการขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและเดินทางไกล
ในส่วนของความประหยัด มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 23.3 กม./ลิตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมสำหรับรถ Crossover ในระดับเดียวกัน
ราคาเริ่มต้นในปัจจุบัน (โดยประมาณ): 1,904,000 บาท
4. Nissan Kicks e-POWER
Nissan Kicks e-POWER มีดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปทรงที่ทันสมัยและมีเอกลักษณ์ พร้อมชุดแต่ง AUTECH ที่เพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้น ขุมกำลังใช้เทคโนโลยี e-POWER ที่ไม่เหมือนใคร โดยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร จะทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น ส่วนการขับเคลื่อนจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 100% ทำให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์เหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ
ด้วยการทำงานของระบบ e-POWER ทำให้มีความประหยัด หรืออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมอยู่ที่ประมาณ 23.8 กม./ลิตร และให้แรงบิดสูงถึง 280 นิวตันเมตร
ราคาเริ่มต้นในปัจจุบัน (โดยประมาณ): 779,900 บาท
5. Mazda 2 Hatchback
Mazda 2 Hatchback โดดเด่นด้วยดีไซน์ KODO Design ที่มีเส้นสายที่สวยงามและเรียบหรู ทำให้ดูสปอร์ตและมีระดับกว่ารถยนต์ในกลุ่ม Eco Car ทั่วไป ด้านประสิทธิภาพในรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร เป็นรถยนต์ Eco Car ที่ให้การขับขี่ที่สนุกสนาน และมีเทคโนโลยี Skyactiv ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่
ด้านความประหยัด แม้จะไม่ใช่รถยนต์ไฮบริด แต่ด้วยเทคโนโลยี Skyactiv ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่น่าพอใจอยู่ที่ประมาณ 23.3 กม./ลิตร (สำหรับรุ่นปกติ) และเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันในกลุ่ม Eco Car
ราคาเริ่มต้นในปัจจุบัน (โดยประมาณ): 529,900 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ระบุเป็นราคาเริ่มต้นโดยประมาณ ณ ปัจจุบัน ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นตัวเลขเฉลี่ยจากการทดสอบตามมาตรฐานสากล ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพฤติกรรมการขับขี่จริง