เปิดที่มาทฤษฎีสมคบคิดดาวเทียมอัศวินดำ (Black Knight Satellite) ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ?

ทฤษฎีสมคบคิดนี้อ้างว่ามีวัตถุลึกลับคล้ายดาวเทียมของมนุษย์ต่างดาวโคจรรอบโลกมาแล้วกว่า 13,000 ปี โดยไม่มีใครรู้ที่มาแน่ชัด และอาจเป็นยานเฝ้าสังเกตจากอารยธรรมต่างดาวที่ซ่อนตัวอยู่ในวงโคจรใกล้ขั้วโลก
แม้ว่าองค์กรอย่าง NASA และนักวิทยาศาสตร์จะออกมาหักล้างข้อกล่าวอ้างดังกล่าวอย่างชัดเจน ทฤษฎีนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมในหมู่ผู้สนใจเรื่องยูเอฟโอและทฤษฎีลี้ลับ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์และฟอรัมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ต้นกำเนิดของทฤษฎีสมคบคิดดาวเทียมอัศวินดำ (Black Knight Satellite)
ตำนานนี้ไม่ได้เริ่มจากเหตุการณ์เดียว แต่เป็นการผูกโยงจากหลายเหตุการณ์ตลอดกว่า 120 ปี โดยในปี 1899 นักประดิษฐ์ชื่อดังอย่างนิโคลา เทสลา รายงานว่าเขาตรวจพบสัญญาณวิทยุซ้ำ ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ขณะทำการทดลองที่โคโลราโดสปริงส์ เทสลาสันนิษฐานว่าอาจเป็นสัญญาณจากอารยธรรมต่างดาว
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าสัญญาณเหล่านั้นอาจเกิดจากแหล่งที่มาบนโลก หรือจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น พัลซาร์ ซึ่งเป็นซากดาวฤกษ์ที่ปล่อยคลื่นวิทยุเป็นจังหวะ
ในปี 1927 วิทยุสมัครเล่นชาวนอร์เวย์ชื่อจอร์เก้น ฮาลส์ (Jørgen Hals) ตรวจพบ “เสียงสะท้อนที่ล่าช้า” ซึ่งยังไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัด และถูกนำมาโยงกับความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการสื่อสารจากสิ่งมีชีวิตนอกโลก
การกระพือข่าวโดยสื่อมวลชนและบุคคลระดับสูง
ในปี 1954 นายพลเกษียณโดนัลด์ คีย์โฮ (Donald Keyhoe) กล่าวอ้างต่อสื่อมวลชนว่า กองทัพอากาศสหรัฐฯ ตรวจพบดาวเทียมลึกลับ 2 ดวง ที่โคจรรอบโลกในช่วงที่มนุษย์ยังไม่สามารถส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศได้เลย แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันคำกล่าวนี้
แต่เรื่องราวก็ถูกขยายผลในสื่อมวลชน จนกระทั่งในปี 1960 นิตยสาร TIME รายงานว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ ตรวจพบวัตถุสีดำขนาดใหญ่ในวงโคจร ซึ่งภายหลังได้รับการระบุว่าเป็นชิ้นส่วนของดาวเทียม Discoverer 8 ของสหรัฐฯ เอง ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสอดแนม CORONA
ภาพถ่ายจากภารกิจกระสวยอวกาศปลุกตำนาน Black Knight
โดยในระหว่างภารกิจของกระสวยอวกาศ STS-88 นักบินอวกาศถ่ายภาพวัตถุสีดำรูปร่างบิดเบี้ยวลอยอยู่เหนือโลก ภาพดังกล่าวถูกตีความโดยผู้ที่เชื่อในยูเอฟโอว่าเป็น “ดาวเทียมอัศวินดำ” ในตำนาน
อย่างไรก็ตาม เจอร์รี รอส นักบินอวกาศในภารกิจดังกล่าว และนักประวัติศาสตร์อวกาศ เจมส์ โอเบิร์ก ได้อธิบายว่าวัตถุดังกล่าวแท้จริงแล้วคือผ้าห่มเก็บความร้อนที่หลุดลอยออกไประหว่างการเดินอวกาศเพื่อห่อหุ้มฉนวนสถานีอวกาศนานาชาติ NASA ได้บันทึกวัตถุนี้ไว้ในแคตตาล็อกหมายเลข 025570 และระบุว่ามันเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลกภายในไม่กี่วันต่อมา
ทฤษฎีสมคบคิดดาวเทียมอัศวินดำ (Black Knight Satellite) ยังคงได้รับความนิยม
สิ่งที่ห้ามยากมากที่สุด คือ การห้ามจินตนาการของมนุษย์ ทฤษฎีสมคบคิดดาวเทียมอัศวินดำ (Black Knight Satellite) ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องของมนุษย์ต่างดาว และมักถูกหยิบนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ บ่อยครั้ง
เจมส์ โอเบิร์ก ผู้ซึ่งเคยทำงานในทีมออกแบบวิถีโคจรของภารกิจ STS-88 กล่าวว่า ความเข้าใจผิดของสาธารณชนเกิดจากการตีความภาพอย่างผิด ๆ การลิงก์ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกัน และความบกพร่องในการรายงานข่าว ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์ NASA ที่ทำให้ลิงก์ภาพต้นฉบับหายไป จนบางคนเข้าใจว่าเป็นความพยายามปกปิดข้อมูล
นอกจากนี้ เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมักจะมองหาความหมายแฝงอยู่ในภาพหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตลอดเวลา ประกอบกับความหลงใหลในมนุษย์ต่างดาว ยูเอฟโอ (UFO) และถ้าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงการลับของรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้เรื่องราวนี้ยืนยาวในความเชื่อของคนบางกลุ่ม
ปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่าทฤษฎีสมคบคิดดาวเทียมอัศวินดำ (Black Knight Satellite) เป็นกรณีศึกษาคลาสสิกของการเข้าใจผิดและการเล่าเรื่องที่ไม่สมบูรณ์ แม้ว่าหลักฐานทั้งหมดจะชี้ไปยังเหตุการณ์ที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน เช่น ผ้าห่มกันความร้อนที่หลุดจากนักบินอวกาศ แต่เมื่อนำไปผูกกับเหตุการณ์จากอดีตกว่า 100 ปี ตำนานก็กลายเป็นสิ่งลึกลับที่ชวนให้หลงเชื่อ เหมือนกับกรณีสมคบคิดอื่น ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานของจินตนาการ ความกลัว และความคลุมเครือของข้อมูลในยุคต่าง ๆ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
