รีเซต

จับสัญญาณหลังเปิดประเทศ ‘ททท.-เอกชน’มั่นใจฟื้นศก.:รายงานพิเศษ

จับสัญญาณหลังเปิดประเทศ ‘ททท.-เอกชน’มั่นใจฟื้นศก.:รายงานพิเศษ
ข่าวสด
14 พฤศจิกายน 2564 ( 00:01 )
58
จับสัญญาณหลังเปิดประเทศ ‘ททท.-เอกชน’มั่นใจฟื้นศก.:รายงานพิเศษ

 

จับสัญญาณหลังเปิดประเทศ ‘ททท.-เอกชน’มั่นใจฟื้นศก.

: รายงานพิเศษ

จับสัญญาณหลังเปิดประเทศ ‘ททท.-เอกชน’มั่นใจฟื้นศก. : รายงานพิเศษ - ผ่านมาราว 2 สัปดาห์แล้ว หลังไทยประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 63 ประเทศทั่วโลก ที่ได้รับอนุมัติจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยไม่ต้องกักตัว

 

ภายใต้เงื่อนไขนักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบถ้วน หรือเทสต์ แอนด์ โก เพียงรอผลตรวจ RT-PCR ในโรงแรมสถานที่กับตัวทางเลือก มีมาตรฐาน SHA+ ระยะเวลา 1 วันก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อได้ทันที

 

จากตัวเลข 10 วันแรก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2,000 คน/วัน จากเยอรมนี มากที่สุด รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เป็นต้น รวม 24,249 คน

 

หากรวมคนไทยที่เดินทางกลับบ้านมีจำนวน 28,021 คน ทั้งหมดพบผู้ติดเชื้อสะสม 28 คน หรือสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อต่อจำนวนที่เดินทางมีเพียง 0.09%

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬารัฐมนตรีระบุว่ารัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนคนไทย ขณะนี้ฉีดทั่วประเทศน่าจะได้ประมาณ 80 ล้านโดสแล้ว และเตรียมเร่งกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยว

 

โดยเฉพาะการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (เคานต์ดาวน์) 5 ภาค แต่ละภาคจะจัดงานใหญ่ 1 จังหวัด ส่วนจะเป็นจังหวัดใดทางกระทรวงฯ และททท.จะเป็นหน่วยงานพิจารณา ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามมาตรฐานที่ ศบค.กำหนด

 

สําหรับพื้นที่ที่สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17 จังหวัด รายชื่อ 17 จังหวัดที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สีฟ้านำร่องให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเที่ยวได้ ระหว่าง 1-30 พ.ย. ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ สมุทรปราการ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

 

กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ (ต.หนองแก อ.หัวหิน) เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ) ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง ต.จอมเทียน ต.บางเสร่ เกาะสีชัง อ.ศรีราชา) ระนอง (เกาะพยาม) เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) เลย (อ.เชียงคาน) บุรีรัมย์ (อ.เมือง) หนองคาย (อ.เมือง อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.สังคม) อุดรธานี (อ.เมือง อ.นายูง อ.หนองหาน อ.กุมภวาปี อ.บ้านดุง) ระยอง (เกาะเสม็ด) ตราด (เกาะช้าง)

 

 

ส่วนกรุงเทพฯ เมื่ออนุญาตให้เปิดรับต่างชาติได้ ต้องเปิดทั้งหมดไม่สามารถแบ่งเปิดเป็นรายพื้นที่ได้ ซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนไทยในพื้นที่เป็นหลัก จึงเน้นย้ำว่าประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องได้รับวัคซีนครบโดสเกิน 70% ก่อน ขณะนี้ได้รับวัคซีนเกิน 80% แล้ว จึงสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

 

ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังการเปิดประเทศมองว่าในเดือนพ.ย.-ธ.ค.จะได้เดือนละ 300,000 คน ตลอดทั้งปีน่าจะได้ 700,000 คน

 

ทำให้ปี 2564 มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งสิ่งสำคัญต้องยึด 3 เรื่องถึงจะเกิดทิศทางใหม่ได้ คือคนไทยปลอดภัย นักท่องเที่ยวพอใจ และเศรษฐกิจไทยต้องกลับมา

 

การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว ถือเป็นการเตรียมประเทศ เตรียมคนไทย เตรียมความพร้อมเพื่อให้ต่างชาติที่พร้อมที่จะเดินทางท่องเที่ยว ที่รัฐบาลในประเทศนั้นๆ ยอมให้คนของเขาเดินทางออกนอกประเทศได้เข้ามาเที่ยวเมืองไทย

 

“ช่วงนี้คณะผู้บริหาร ททท.เดินสายโปรโมตการเปิดประเทศในงานมหกรรมส่งเสริมการขายสินค้าท่องเที่ยวระดับโลกและงานอีเวนต์ต่างๆ เช่น งานเวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ต (WTM) 2021 ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร นักท่องเที่ยวที่ลอนดอนต่างสนใจท่องเที่ยวเมืองไทย สนใจการเปิดประเทศโดยเฉพาะมีการสอบถาม เรื่องของการเปิดให้มีการดื่มแอลกอฮอล์ได้”

 

นายยุทธศักดิ์ระบุอีกว่า จะเสนอ ศบค.พิจารณายกเลิกการตรวจ RT-PCR สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ได้รับวัคซีนภายใต้โครงการ Test & Go และผ่อนปรนกฎการสัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง (HRC) ซึ่งบังคับให้ผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องผู้ป่วยโควิด-19 ในบริเวณใกล้เคียงต้องถูกกัก

 

“การที่ ททท.จะเสนอให้เลิกทำการทดสอบ RT-PCR เพราะในการดำเนินการแต่ละครั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมง จึงจะทราบผลการตรวจ และผู้เดินทางขาเข้าต้องจองและพักอยู่ในห้องพักในโรงแรมระหว่างรอผลการตรวจอย่างน้อย 1 วัน ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทาง และลดภาระค่าใช้จ่ายก็ให้ดำเนินการตรวจด้วยวิธีอื่น อาทิ ชุดทดสอบแอนติเจน หรือ เอทีเค จะสะดวกกว่าและช่วยจัดการกระแสนักท่องเที่ยวได้ดีขึ้น”

 

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันจัดทำเครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย (เอสเอช เอ) หรือเครื่องหมายชา และเครื่องหมายชาพลัส

 

การันตีถึงการได้รับวัคซีนครบโดสแล้วของผู้ให้บริการเพื่อแสดงความพร้อมว่าเมืองไทย คนไทยพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้มาเยือน

 

ขณะที่ภาคเอกชนโดย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าจากการเริ่มเปิดประเทศบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวดีขึ้น ภาคธุรกิจเริ่มคึกคักจากเรื่องนี้

 

อย่างไรก็ตามความปลอดภัยของคนไทยเป็นสิ่งสำคัญ แต่เรื่องปากท้องของประชาชนก็สำคัญไม่น้อยกว่าความปลอดภัยด้านสุขภาพ จึงมองว่าต้องนำแนวคิดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Acceptable Risk) มาใช้

 

การตัดสินใจเปิดประเทศของรัฐบาลจึงถือว่าทำถูกแล้ว โดยเร่งกระจายวัคซีนเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประเทศ ทั้งนี้หอการค้าไทยเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการระบาดซ้ำระลอกใหม่จนเป็นเหตุให้ต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง ยกเว้นเกิดการระบาดของสายพันธุ์ใหม่

 

นายกลินท์ สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเทศไทยได้บทเรียนหลายเรื่องจากการระบาดของโควิด-19 จนนำไปสู่การล็อกดาวน์ 2-3 รอบ หากระบาดซ้ำรอบใหม่ในอนาคต จะล็อกดาวน์ก็ขอให้ปิดเฉพาะพื้นที่หรือกิจกรรมที่มีการระบาดเท่านั้น ถ้าล็อกดาวน์ทั้งหมดอีกครั้งเศรษฐกิจไทยจะไปไม่ไหว

 

 

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล กล่าวว่า หลังจากรัฐบาล ประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเซ็นทรัลกลับมา 70-80% สำหรับสาขาในกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดกลับมาที่ 80% ขณะที่สาขามหาชัย และระยองกลับมาที่ 100%

 

“การเปิดประเทศ และคลายล็อกดาวน์ส่งเสริมให้การท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศกลับมา โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวจะดีขึ้นแน่นอน ขณะเดียวกันทำให้เห็นบรรยากาศการจับจ่ายของผู้บริโภคดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าอีก 2-3 ปีภาพรวมค้าปลีกถึงจะกลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนโควิด-19”

 

น.ส.วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การเปิดประเทศเชื่อว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระตุ้นการจับจ่ายให้กลับมาคึกคักกันอีกครั้งเช่นเดียวกับที่มีการประเมินว่าธุรกิจค้าปลีกไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จะกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มดีขึ้น

 

“แผนการเปิดประเทศเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว รวมถึงภาคธุรกิจต่างๆ เร่งออกแคมเปญส่งเสริมการตลาด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย คาดว่ายอดขายค้าปลีกไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัว 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่หดตัว 1.2%”

 

การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนหนึ่งย่อมเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่อีกส่วนเป็นความเสี่ยงของโควิดด้วยเช่นกัน จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องว่าจะบริการจัดการได้ดีมากน้อยเพียงใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง