หลายชาติทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการโควิด เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว
วันนี้ (27 พ.ค.64) หลายประเทศที่พี่งพาการท่องเที่ยวต่างกำลังแข่งขันกันเปิดพรมแดนอีกครั้ง เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council – WTTC) ประเมินว่า ภาคการท่องเที่ยวเสียหายเกือบ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และสูญเสียตำแหน่งงานไป 62 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว เฉพาะสายการบินก็สูญเสียรายได้ไป 126,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้ ยังจะสูญเสียอีก 48,000 ล้านดอลลาร์
การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 กำลังทำให้รัฐบาลในหลายประเทศมีความเชื่อมั่นครั้งใหม่ว่าจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ แต่ช่วงเวลาในการดำเนินการก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
เวอร์จิเนีย เมสซินา ผู้อำนวยการชั่วคราวของ WTTC กล่าวว่า ช่วงฤดูร้อนถือเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับตลาดท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป และสหราชอาณาจักร เรามีความหวังอย่างแท้จริงที่จะเห็นการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มต่าง ๆ
ภูมิภาคต่าง ๆ ที่กำลังพยายามเปิดประเทศเพื่อต้อนรับการท่องเที่ยวอีกครั้ง ยุโรปค่อย ๆ เปิดอย่างช้า ๆ ซึ่งก็เป็นการทดสอบความอดทนสำหรับประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก รวมทั้งกรีซ, สเปน และตุรกี ขณะที่ บรรดาเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ตกลงกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อนุญาตให้รับนักท่องเที่ยว ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว หรือมาจากประเทศที่ปลอดภัย มีความเสี่ยงของเชื้อโควิดต่ำ
ประเทศสมาชิกอียูยังคงต้องอนุมัติความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ แต่นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สเปนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวอังกฤษและญี่ปุ่นเข้าประเทศได้ เริ่มในวันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด หากพวกเขาฉีดวัคซีนครบ ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมทั้งสหรัฐฯ เข้าสเปนได้ในวันที่ 7 มิถุนายน
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวก็กำลังเริ่มทยอยเข้ากรีซแล้ว หลังจากรัฐบาลกรีซตัดสินใจในเดือนนี้ ยอมรับอกสารรับรองการฉีดวัคซีนและผลการตรวจจากสหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ อีก 21 ประเทศ ส่วนโครเอเชียก็เปิดประเทศแล้ว ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีการระบาดน้อย ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน สายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ประกาศจัดเที่ยวบินตรงจากนิวยอร์ก ถึงดูบรอฟนิค (dubrovnik) เมืองโบราณสุดโด่งดังของประเทศโครเอเชีย
สำหรับภูมิภาคเอเชีย ไวรัสโควิดกำลังระบาดรุนแรงในหลายประเทศทั่วภูมิภาค ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ เพิ่มความระมัดระวัง ระงับการเปิดประเทศ โดยฮ่องกงและสิงคโปร์ต้องเลื่อนเปิดพรมแดนท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวภายใต้นโยบาย แอร์ ทราเวล บับเบิล (air travel bubble) เป็นครั้งที่ 2 หลังโควิดระบาดรอบใหม่ และฮ่องกงต้องขยายคำสั่งกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนออกไปอีก ขณะที่จีน ตั้งจุดตรวจตามจุดต่าง ๆ ทั้งสนามบินและสถานีรถไฟ ในมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเดือนนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าเมืองต้องแสดงผลตรวจโควิด
ในตะวันออกกลาง โควิดระบาดรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ปิดพรมแดน และปิดสนามบิน จนถึงขณะนี้ กรุงอาบู ดาบี เมืองหลวงของยูเออี ยังคงใช้มาตรการเข้มข้น ซึ่งรวมทั้งบังคับกักตัว แม้ว่าจะฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว หากเดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง แต่เมืองดูไบ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่สุดของยูเออี เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว ด้วยการใช้มาตรการคุมเข้มเล็กน้อย นอกเหนือจากการแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบ
ดูไบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินที่แออัดที่สุดของโลกสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ กำลังต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลบหนีมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรป ด้วยการเปิดชายหาด, บาร์, สระว่ายน้ำในโรงแรม, ร้านอาหาร, โรงภาพยนตร์, สวนสนุกและสปา แต่ก็ยังบังคับเว้นระยะห่างทางสังคมและสวมหน้ากากอนามัย
ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบีย ประเทศใหญ่ที่สุดของตะวันออกกลาง ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ชาวซาอุฯ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกห้ามเดินทางตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้ เริ่มในเดือนนี้ หากพวกเขาฉีดวัคซีน หรือเพิ่งหายขาดจากการป่วยโควิด
ในลาตินอเมริกันและแคริบเบียน ที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก นักท่องเที่ยวลดลงไป 2 ใน 3 เมื่อปีที่แล้ว เหลืออยู่ในระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980
ส่วนในสหรัฐฯ และแคนาดา สหรัฐฯยังคงห้ามนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จากยุโรป, จีน, อินเดีย, บราซิลและอีกหลายประเทศ ผู้เดินทางระหว่างประเทศขาเข้า รวมทั้งพลเมืองชาวอเมริกัน ต้องผ่านการตรวจเชื้อโควิดก่อนขึ้นเครื่อง กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่สนับสนุนการเดินทางไปต่างประเทศ พร้อมขึ้นป้ายประเทศที่มีความเสี่ยงสูงทั่วโลกด้วย ขณะที่ พรมแดนระหว่างสหรัฐฯและแคนาดา ยังคงปิด ห้ามเดินทางที่ไม่จำเป็นจนถึงวันที่ 21 มิถุนายน