แฉ 6 พฤติกรรมทุจริตโครงการ" เราเที่ยวด้วยกัน"
หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติขยายโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ต่อเนื่องไปจนถึง 30 เมษายน 2564 (1 ก.ค.63-30 เม.ย.64) ก็ยังมีประชาชนให้ความสนใจสมัครขอรับสิทธิเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง
แต่ล่าสุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบพบพฤติกรรมที่ส่อแววทุจริตของบรรดาโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นการรู้เห็นกันระหว่างผู้ประกอบการและผู้ใช้สิทธิที่หวังจะฉวยโอกาสใช้ช่องทางนี้เพื่อหาผลประโยชน์จากความช่วยเหลือของรัฐ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผย ว่า คณะทำงานตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอุทธรณ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” ที่ ประกอบด้วยคณะทำงาน จาก ธนาคารกรุงไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง พบว่าการทุจริตแบ่งออกเป็น 6 พฤติกรรม โดยมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ โรงแรม , ร้านค้า และผู้ใช้สิทธิ ได้แก่
1. เข้าพักในที่พักราคาถูก เช่น Hostel ด้วยการเปิดให้ลูกค้าเช็คอิน แต่ไม่ได้เข้าพักจริง แต่ได้ประโยชน์จาก E-Vouchor วันธรรมดา จันทร์ - พฤหัสบดี จะได้เงินจากคูปอง 900 บาท ส่วน ศุกร์ เสาร์และ อาทิตย์ ได้ 600 บาท/วัน โดยไปที่ใช้สิทธิ์ที่ E-Vouchor ร้านค้า ร้านอาหาร แต่ไม่ได้เข้าพักที่ Hostel จริง
2. โรงแรมขึ้นราคาค่าห้อง และร่วมมือกับร้านอาหารรับคูปอง เป็นลักษณะของการเปิดให้มีการซื้อ-ขายสิทธิ แต่ไม่มีการเดินทาง และไม่มีการเช็คอินจริง แต่ผู้ใช้สิทธิจะส่งเลขบัตรประชาชน 4 ตัวท้าย เบอร์โทรศัพท์ รหัส OTP ให้กับโรงแรม และทางโรงแรมจะโอนเงินทอนให้กับผู้ใช้สิทธิ์ ซึ่งทางโรงแรมจะได้ส่วนต่าง 40 % ที่รัฐบาลโอนให้ กรณีนี้มักจะพบ จากผู้ใช้สิทธิ์จองตรงกับโรงแรม
3. โรงแรมลงทะเบียนร่วมโครงการ"เราเที่ยวด้วยกัน"ไว้ ยังไม่กลับมาเปิดบริการ แต่ให้ลูกค้าใช้สิทธิ และแบ่งออกเป็นการจอง 2 รูปแบบ คือ จองผ่านโรงแรม และ จองผ่าน Online travel agent หรือ OTA
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โควิดทำพิษส่งท้ายปี ฉุดท่องเที่ยวเชียงราย-เชียงใหม่ทรุดฮวบ
- ชวนเที่ยว "คลองโอ่งอ่าง" จุดเช็คอินกลางกรุง สวยราว "เวนิสตะวันออก"
- 3 เงื่อนไขนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเปิดประเทศ 1 ต.ค.63 ต้องมี!!
4. ผู้ใช้สิทธิ์ มีการใช้ E-Voucher จริงในร้านค้า แต่ราคาซื้อจริงไม่สูงเท่ายอดที่เบิก เป็นการรู้เห็นกันระหว่างร้านค้าและผู้ใช้สิทธิ โดยให้ร้านค้าเขียนบิลเพิ่มเพื่อรับเงินเต็มเพดาน ยกตัวอย่างเช่น อาจจะทานอาหารแค่ 1,000 บาท แต่ให้ร้านค้าเขียนบิลเพิ่มเป็น 1,500 บาท เพื่อรับส่วนต่าง 40% ของบิลค่าอาหาร เป็นต้น
5. ผู้ใช้สิทธิ์เข้าพักจริงเป็นกรุ๊ปใหญ่ แต่โรงแรมจะตั้งราคาให้สูงกว่าราคาห้องพักจริง เพื่อรับเงินทอน กรณีนี้ส่วนใหญ่พบว่าผู้ใช้สิทธิ์จองตรงกับโรงแรม
6. โรงแรมเปิดให้จองห้องพักเกินจำนวนจริง เพื่อรับส่วนต่าง เช่น มีห้องพัก 200 ห้อง แต่เปิดให้เช็คอิน 500 ห้อง เป็นต้น
ผู้ว่าฯททท. ระบุว่า พฤติกรรมทั้ง 6 รูปแบบนั้นเข้าข่ายต้องสงสัยว่าจะทุจริตโครงการ โดยมีโรงแรมและที่พัก 312 โรงแรมและร้านค้า 200 กว่าร้านที่เข้าข่าย ซึ่งขณะนี้ คณะทำงานตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอุทธรณ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงเจตนาในการทุจริต คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือนจึงจะรู้ผล
ดังนั้น ททท.จึงจะชะลอการเปิดให้ลงทะเบียนร่วมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 2 ออกไปแบบไม่มีกำหนด จากเดิมทีจะเพิ่ม 1 ล้านสิทธิ์ และเปิดลงทะเบียนได้วันที่ 16 ธันวาคมนี้ อีกทั้งอาจจะมีการปรับเงื่อนไขให้กลับมาบังคับการเดินทางข้ามจังหวัดเหมือนก่อนหน้านี้ด้วย
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE