รีเซต

ไทยพบแหล่งลิเทียม 14.8 ล้านตัน ใหญ่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เตรียมเป็นผู้เล่นหลักวงการ EV

ไทยพบแหล่งลิเทียม 14.8 ล้านตัน ใหญ่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เตรียมเป็นผู้เล่นหลักวงการ EV
TNN ช่อง16
18 มกราคม 2567 ( 16:45 )
98
ไทยพบแหล่งลิเทียม 14.8 ล้านตัน ใหญ่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เตรียมเป็นผู้เล่นหลักวงการ EV

ถือเป็นข่าวดีในวงการพลังงานของประเทศไทย กับการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมคุณภาพสูงระดับโลก และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตแบตเตอรี่ยานยนตร์ไฟฟ้า (EV) 


นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งลิเทียมในพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ผลพบว่า หินอัคนีเนื้อหยาบมากสีขาวหรือหินเพกมาไทต์ซึ่งเป็นหินต้นกำเนิดที่นำพาแร่เลพิโดไลต์สีม่วงหรือแร่ที่มีองค์ประกอบของลิเทียมมาเย็นตัวและตกผลึก จนเกิดเป็นแหล่งลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ มีปริมาณสำรองประมาณ 14.8 ล้านตัน เกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% และแหล่งบางอีตุ้ม ที่กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจรายละเอียดเพื่อประเมินปริมาณสำรอง โดยลิเทียมจากแหล่งเรืองเกียรติ คาดว่าจะสามารถนำมาผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขนาด 50kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน


ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุด ไทยยังค้นพบแหล่งแร่โซเดียมในพื้นที่ภาคอีสานปริมาณสำรองอีกจำนวนมาก ซึ่งแร่ทั้งสองชนิดนี้ถือเป็น แร่หลักหรือวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า


การค้นพบครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะลิเทียม ถือเป็นแร่สำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งก็กำลังได้รับกระแสอย่างมากในแง่ที่อาจเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานของโลก การค้นพบนี้ก็จะเป็นการรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เพราะถือเป็นประเทศที่มีแหล่งแร่ลิเทียมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากโบลิเวีย และอาร์เจนตินา ตามคำบอกเล่าของนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี


ทั้งนี้ลิเทียม (Lithium : Li) เป็นโลหะของแข็งสีเงิน น้ำหนักเบาที่สุดในบรรดาธาตุโลหะแข็ง อยู่ในกลุ่มธาตุที่เรียกว่าโลหะอัลคาไล หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินในชื่อ “ทองคำขาว” ด้วยคุณบัติน้ำหนักเบา มีความหนาแน่นต่ำที่สุดและสามารถกักเก็บพลังงานได้มากในพื้นที่ขนาดเล็ก มันจึงถูกนำมาใช้ผลิตแบตเตอรี่ซึ่งใช้ในอุปกรณ์หลายอย่าง เช่น สมาร์ตโฟน แล็ปท็อป กล้องดิจิทัล แม้กระทั่งรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ก็จะมีน้ำหนักเบา สามารถเก็บพลังงานได้มากขึ้นและมีอายุการใช้งานนานขึ้น ความต้องการลิเทียมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหลักก็มาจากภาคส่วน EV นี้เอง เพราะถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจโลกที่มีคาร์บอนต่ำ 


ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการลิเทียมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าภายในปีพ.ศ. 2568 และจะต้องการมากกว่า 2 ล้านตันภายในปี 2030 รวมถึงบริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ๋ของโลกอย่าง แมคคินเซย์ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company) คาดการณ์ว่าหากความต้องการแบตเตอรี่ลิเทียมเพิ่มขึ้น 30% ต่อปีดังนั้นในทศวรรษหน้าจะต้องมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดเท่ากับโรงงาน Gigafactory ของ Tesla เพิ่มขึ้นถึง 90 แห่งทั่วโลก


นอกจากนี้มีการคาดการณ์ที่น่าสนใจอีกอย่างคือเอ็ม. สแตนลีย์ วิตติงแฮม (M. Stanley Wittingham) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีปี 2019 ซึ่งเป็นผู้วางรากฐานแบตเตอรี่ EV ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เคยบอกว่า ลิเทียมจะยังคงมีความสำคัญในระยะยาว ในอีก 10 - 20 ปีข้างหน้าก็จะยังสำคัญอยู่


ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่า การค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมขนาดใหญ่ในประเทศไทยครั้งนี้ ก็คงส่งผลกระทบที่น่าสนใจให้กับอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจบ้านเราไม่น้อยทีเดียว


ที่มาข้อมูล Thaigov, McKinsey & Company

ที่มารูปภาพ Reuters

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง