วิกฤต "Porsche" กำไรดิ่ง-ชะลอเปิด EV ดีมานด์จีนอ่อนตัว

บริษัท Porsche Automobil Holding SE (Porsche SE) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของค่ายรถยนต์หรู Porsche AG เปิดเผยผลประกอบการในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายนปีนี้ว่า มีกำไรสุทธิหลังหักภาษี (adjusted profit after tax) 1.6 พันล้านยูโร ลดลงกว่าร้อยละ 36 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
บริษัทระบุว่าผลการดำเนินงานที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเกิดจากแรงกดดันภายในกลุ่ม โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นใน Porsche AG และ Volkswagen Group ซึ่งต่างเผชิญต้นทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านยูโร หลัง Porsche ต้องเลื่อนแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกไป และยอดขายในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญกลับอ่อนแรงกว่าที่คาดไว้
แม้กำไรจะลดลง แต่ฝ่ายบริหารของ Porsche SE โดย โยฮันเนส ลัทไวน์ (Johannes Lattwein) ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ยืนยันว่าบริษัทได้ปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น โดยหนี้สุทธิลดลงร้อยละ 3 เหลือ 5 พันล้านยูโร ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ซึ่งทำให้กลุ่มยังคงมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์
ทั้งนี้ Porsche SE ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Porsche และ Piëch ถือหุ้นใน Porsche AG ราวร้อยละ 12.5 และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Volkswagen Group ด้วยสัดส่วนร้อยละ 31.9 ของหุ้นทั้งหมด และร้อยละ 53.3 ของสิทธิออกเสียง ส่งผลให้การชะลอตัวของทั้งสองแบรนด์สะเทือนต่อผลประกอบการโดยตรง
หลังการออกคำเตือนผลกำไรในเดือนกันยายน Porsche SE ยังคงยืนยันเป้าหมายผลประกอบการประจำปี โดยคาดว่าการปรับโครงสร้างของ Porsche AG จะช่วยสร้างเสถียรภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังมองหาทิศทางใหม่เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุน โดยพิจารณาเข้าสู่ธุรกิจด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งกำลังได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลยุโรป
อีกด้านหนึ่ง อุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมนีกำลังเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนการเปลี่ยนผ่านสู่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สูงมาก ขณะเดียวกันต้องต่อสู้กับการแข่งขันจากผู้ผลิตจีน มาตรการภาษีที่เข้มงวด และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
