สหรัฐฯเตือน! วัคซีน "จอห์นสัน&จอห์นสัน" เสี่ยงเกิดโรคกิลแลง-บาร์เร
วันนี้( 13 ก.ค.64) องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เพิ่มคำเตือนในเอกสารแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson&johnson) หรือเจแอนด์เจ โดยระบุว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดโรค กิลแลง-บาร์เร (Guillain–Barré syndrome) หรือ จีบีเอส (GBS) ในช่วง 6 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้
ในเอกสารฉบับหนึ่งที่ส่งถึงบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทางเอฟดีเอจัดอันดับโอกาสในการเป็นโรค “กิลแลง-บาร์เร” ซึ่งเป็นผลข้างเคียงหลังรับวัคซีนเจแอนด์เจ อยู่ในระดับ “ต่ำมาก” พร้อมระบุด้วยว่า ผู้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ควรไปพบแพทย์หากมีอาการต่าง ๆ เช่น อ่อนแรง หรือรู้สึกชา เดินเซ หรือการเคลื่อนไหวใบหน้าลำบาก
ทั้งนี้ โรคจีบีเอส ซึ่งพบได้น้อยมาก เป็นโรคที่มีการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นประสาทหลายเส้นอย่างเฉียบพลัน โดยสาเหตุเกิดจากมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผิดปกติ ทำให้ภูมิคุ้มกันทำลายปลอกหุ้มเส้นประสาท ดังนั้นอวัยวะที่เส้นประสาทเหล่านั้นจะสูญเสียหน้าที่การทำงานไป กรณีส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส แต่คนส่วนใหญ่ก็หายขาดจากโรคจีบีเอสได้
โดยมีประชาชนประมาณ 12.8 ล้านคนในสหรัฐฯได้รับวัคซีนของเจแอนด์เจ ซึ่งใช้ฉีดเข็มเดียว เอฟดีเอ แถลงว่า รายงานเบื้องต้นการเกิดโรคจีบีเอส 100 คนในผู้ที่รับวัคซีนเจแอนด์เจ มีอาการหนักถึง 95 คน ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และมีรายงานเสียชีวิต 1 คน
เจแอนด์เจ ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า ได้หารือกับเอฟดีเอเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นแล้ว และแถลงว่าอัตราการเกิดโรคจีบีเอสในผู้รับวัคซีนโควิดของเจแอนด์เจนั้นสูงกว่าอัตราเดิมของผู้ป่วยโรคจีบีเอสในประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากแถลงการณ์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือซีดีซี ระบุว่า ผู้ป่วยโรคจีบีเอส ส่วนใหญ่เป็นชาย อายุ 50 ปีขึ้นไป ไม่ได้พบสูงกว่าที่คาดไว้ในผู้ที่รับวัคซีน mRNA จากไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNTech) และโมเดอร์นา (Moderna)
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานยายุโรปประกาศคำเตือนในลักษณะเดียวกันนี้ สำหรับผู้ใช้วัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนกา ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตเหมือนกับวัคซีนของเจแอนด์เจ คำเตือนดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นอีกหนึ่งความล้มเหลวของวัคซีนเจแอนด์เจ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการฉีดวัคซีนในพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงยาก และในกลุ่มคนที่ลังเลฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนของเจแอนด์เจ ฉีดเพียงเข็มเดียวเท่านั้น และการจัดเก็บก็ง่ายกว่าวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา
แม้ว่าการใช้วัคซีนเจแอนด์เจ เชื่อมโยงกับผลข้างเคียงการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งพบได้ยากมาก และความล่าช้าจากปัญหาการผลิตที่โรงงานผลิตหลัก แต่สหรัฐฯก็ตัดสินใจในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงจากปัญหาโรคลิ่มเลือดอุดตัน
อย่างไรก็ตามเคยมีกรณีเชื่อมโยงในการใช้วัคซีนในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรณรงค์การใช้วัคซีนรหว่างการระบาดของไข้หวัดหมูในสหรัฐฯ เมื่อปี 1976 และหลายสิบปีต่อมา ก็เชื่อมโยงกับการใช้วัคซีนระหว่างการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ในปี 2009