เงินบาทเช้านี้ 2 พ.ค. เปิดตลาด “ อ่อนค่า” ที่ระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอ่อนแตะ 33.57 บาทต่อดอลลาร์ รับแรงกดดันจากดอลลาร์แข็ง – จับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ
วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากระดับปิดก่อนหน้า 33.41 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และบรรยากาศตลาดโลกที่เปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์จาก Krungthai GLOBAL MARKETS คาดการณ์ว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.35 – 33.75 บาทต่อดอลลาร์ ในระยะสั้น
สาเหตุที่เงินบาทอ่อนค่าในช่วงต้นพฤษภาคม
- เงินบาทอ่อนค่าลงตั้งแต่คืนวันที่ 30 เมษายน และต่อเนื่องในวันหยุด 1 พฤษภาคม
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจากบรรยากาศการลงทุนที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
- ความหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าส่งผลให้ตลาดเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ
- ผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่แข็งแกร่งเกินคาด
- ค่าเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าหลัง BOJ คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ
จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ค่ำนี้ – มีผลต่อเงินบาททันที
ไฮไลต์ในช่วง 24 ชั่วโมงนี้ คือรายงาน Nonfarm Payrolls เดือนเมษายน ซึ่งจะประกาศเวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย โดยคาดว่า:
- ยอดจ้างงานเพิ่มขึ้น 130,000–140,000 ตำแหน่ง
- อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.2%
- ค่าจ้างเฉลี่ยโตขึ้น 3.9% ต่อปี
ตัวเลขเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ และแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
แนวโน้มเงินบาท: เคลื่อนไหวในกรอบจำกัดแต่ยังเผชิญแรงกดดัน
เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideways ใกล้โซน 33.50 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยเสริม-กดดัน ดังนี้:
ปัจจัยหนุน:
- ราคาทองคำที่รีบาวด์อาจช่วยชะลอการอ่อนค่า
- เงินลงทุนต่างชาติอาจไหลเข้าตลาดหุ้นไทย
ปัจจัยกดดัน:
- ดอลลาร์ยังแข็งค่าจากบรรยากาศตลาดโลก
- เงินเยนและทองคำอ่อนค่าต่อเนื่อง
- เงินบาทเผชิญแรงขายจากธุรกรรมปันผลของต่างชาติในช่วงต้นเดือน
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน: เตรียมรับมือความผันผวน
จากสถิติในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า หลังประกาศข้อมูลการจ้างงาน ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในช่วง ±0.58% ภายใน 30 นาที ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดทั่วโลก
แนะนำกลยุทธ์ปิดความเสี่ยง:
- ใช้เครื่องมือ Options หรือ
- กระจายความเสี่ยงผ่าน สกุลเงินท้องถิ่น
ในช่วงที่ความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะความเสี่ยงจาก Trump’s Uncertainty ในปีถัดไป
สรุป: เงินบาทยังอ่อนค่าแต่ยังมีโอกาสรีบาวด์
แม้เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันจากดอลลาร์แข็งและภาวะตลาดโลก แต่ยังมีโอกาสแข็งค่ากลับหาก ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด เกิดความขัดแย้งทางการค้ากลับมาตึงเครียด และ นักลงทุนหันกลับไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง