เงินบาทเช้านี้ 9 ก.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 31.68 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.68 บาท/ดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้น" จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.82 บาท/ดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.50-31.80 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทะลุโซนแนวรับ 31.85 บาท/ดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.66-31.86 บาท/ดอลลาร์) หนุนโดยการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ซึ่งมาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องของราคาทองคำ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของตลาดแรงงานสหรัฐฯ หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานล่าสุดออกมาแย่กว่าคาดไปมาก จะหนุนให้ เฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ในปีนี้ (โอกาสราว 88%) และผู้เล่นในตลาดยังมองว่า เฟดอาจมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งลดดอกเบี้ย 50bps ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน นี้ได้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม จากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) ตอบรับผลโหวตมติไว้วางใจ (Vote of Confidence) นายกฯ François Bayrou ซึ่ง นายกฯ ได้พ่ายแพ้ในการโหวตมติไว้วางใจดังกล่าวตามคาดการณ์ของตลาด และจะนำไปสู่การเลือกนายกฯ คนใหม่ ในเร็ววันนี้ และนอกเหนือจากการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงอานิสงส์จากโฟลว์ธุรกรรมทองคำ การปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด อย่าง การ Stop Loss ของฝั่งสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทด้วยเช่นกัน
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาท (USDTHB) ได้แข็งค่าขึ้น มากกว่าที่เราประเมินไว้ในตอนแรก (กรอบล่างของทั้งสัปดาห์ 31.85 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ ยังคงทยอยอ่อนค่าลง พร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ การปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่าง การ Stop Loss สถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ก็มีส่วนเร่งการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเช่นกัน
ทั้งนี้ เรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้างและมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในวันนี้ ตั้งแต่ช่วง 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง จากที่ตลาดเคยประเมินไว้ ทำให้ ผู้เล่นในตลาดอาจคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ซึ่งอาจสะท้อนผ่านการปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ และโอกาสที่เฟดจะเร่งลดดอกเบี้ย 50bps ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน
อย่างไรก็ดี หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 31.50 บาทต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่าทะลุระดับดังกล่าว ได้จริง ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด เรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง เมื่อตลาดทยอยรับรู้ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI และอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง หากทั้งสองข้อมูลดังกล่าว สะท้อนแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ จากผลกระทบของนโยบายการค้าของรัฐบาล Trump 2.0
นอกจากนี้ ประเด็นการเมืองฝรั่งเศสก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ อีกทั้งตลอดทั้งสัปดาห์ จนถึงวันที่ 18 กันยายน นี้ ก็อาจมีการประท้วงเกิดขึ้นหลายครั้ง รวมถึง ทาง Fitch Rating ก็จะมีการรีวิวอันดิบเครดิตเรทติ้งของฝรั่งเศส ซึ่งอาจกลับมาสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ฝรั่งเศสและเงินยูโร (EUR) ได้บ้าง เช่นเดียวกัน กับความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองญี่ปุ่น ที่อาจทำให้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจนในระยะสั้นได้ยากมากขึ้น
ส่วนในการประเมิน Valuation ของเงินบาท ผ่านโมเดล BEER ของเรานั้น พบว่า เงินบาทที่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่าขึ้นกว่านั้น จะเป็นการแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ -2 SD (เทียบ Fair Value แถว 34-35 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา เราพบว่า เงินบาทก็มีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงบ้าง จากระดับแข็งค่ามากดังกล่าว ในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า
อนึ่ง เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
