เงินบาทเช้านี้ 19 ส.ค. 2568 เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.54 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.54 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.54 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.60 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ Sideways Up ทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.44-32.55 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด ก่อนที่จะรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงามสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด (Jackson Hole Symposium) ในช่วงราว 21.00 น. ของคืนวันที่ 22 สิงหาคม นี้ ตามเวลาประเทศไทย
โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ราว 13% ขณะที่ในส่วนของปี 2026 นั้น ผู้เล่นในตลาดยังคงให้โอกาสราว 80% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง
ทั้งนี้ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมจะอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ทว่า การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางความหวังการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยมีสหรัฐฯ เป็นตัวกลาง ก็มีส่วนกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องทดสอบโซนแนวรับ และเป็นอีกปัจจัยที่มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว (Buy on Dip) ของผู้เล่นในตลาด
แนวโน้มค่าเงินบาท การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะทยอยอ่อนค่าลงบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน
นอกจากนี้ หากราคาทองคำพลิกกลับมารีบาวด์สูงขึ้นบ้าง หรืออย่างน้อยไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อชัดเจน ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ และที่สำคัญ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังไม่รีบปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ต่างๆ จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ (รับรู้วันพฤหัสฯ นี้) และถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell (รับรู้วันศุกร์นี้) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดได้พอสมควร
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมาพอสมควรแล้ว โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ไม่ถึง 15% หรืออาจพอบอกได้ว่า ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้
ซึ่งเรามองว่า มุมมองดังกล่าวก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน หากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง (ต้องรอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ที่จะออกมาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน) ทำให้แม้ว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดอาจไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายน อย่างที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดก็อาจไม่ได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปมากนัก จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อมากนัก ในสัปดาห์นี้ สะท้อนความเสี่ยงที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงต่อชัดเจน พร้อมกับการอ่อนค่าลงหนักของเงินบาทที่ไม่มากนัก โดยเราประเมินว่า หากเงินบาทอ่อนค่าลงจริงในกรณีดังกล่าวนั้น ก็อาจติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
